- หน้า 29 -
เด็ดขาด ใครควรเพื่อจะติเตียนบุคคลนั้นผู้เป็นประดุจแท่ง
ทองชมพูนุทแม้เทวดาก็เชยชม แม้พรหมก็สรรเสริญ ฯ
จบสูตรที่ ๘
ธรรมปทสูตร
[๒๙]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บทธรรม ๔ ประการนี้ บัณฑิตสรรเสริญว่าเลิศ เป็นของมี
มานาน เป็นประเพณีของพระอริยะเป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย บัณฑิต
ย่อมไม่รังเกียจ และจักไม่รังเกียจอันวิญญูชนทั้งสมณะและพราหมณ์ไม่เกลียด บทธรรม ๔
ประการเป็นไฉน คือบทธรรมคืออนภิชฌา ๑ บทธรรมคืออพยาบาท ๑ บทธรรมคือสัมมาสติ ๑
บทธรรมคือสัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บทธรรม ๔ ประการนี้แล บัณฑิตสรรเสริญว่าเลิศ
เป็นของมีมานาน เป็นประเพณีของพระอริยะเป็นของเก่าไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย
นักปราชญ์ย่อมไม่รังเกียจ จักไม่รังเกียจวิญญูชนทั้งสมณะและพราหมณ์ไม่เกลียด ฯ
บุคคลไม่พึงเป็นผู้มากไปด้วยความเพ่งเล็ง มีใจไม่พยาบาท
มีสติ มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งตั้งมั่นด้วยดีในความเป็น
กลางอยู่ ฯ
จบสูตรที่ ๙
ปริพาชกสูตร
[๓๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏใกล้กรุงราชคฤห์ ก็โดย
สมัยนั้นแล พวกปริพาชกผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง มากด้วยกันอาศัยอยู่ในปริพาชการามใกล้ฝั่งแม่น้ำ
สิปปินีคือ อันนภารปริพาชก วธรปริพาชกและสุกุลทายิปริพาชก รวมทั้งปริพาชกผู้มีชื่อเสียง
โด่งดังเหล่าอื่นด้วย ครั้งนั้นแลพระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไปทาง
ปริพาชการามริมฝั่งแม่น้ำสิปปินี ครั้นเสด็จเข้าไปแล้ว ประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ถวาย
ครั้นประทับนั่งแล้ว ได้ตรัสกะปริพาชกเหล่านั้นว่า ดูกรปริพาชกทั้งหลาย บทแห่งธรรม ๔ ประการ
นี้ บัณฑิตสรรเสริญว่าเป็นเลิศ เป็นของมีมานาน เป็นประเพณีของพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่
สุตันตปิฎกไทย:
- จตุกฺก. อํ. 21/37/29.