สุตันตปิฎกไทย

สุตฺต. ขุ. 25/521/423. เล่ม 25, หน้า 388 - 390, ข้อ 423

- หน้า 388 -

สารีปุตตสูตรที่ ๑๖ (ท่านพระสารีบุตรทูลถามว่า)

[๔๒๓]
พระศาสดาผู้มีพระวาจาไพเราะอย่างนี้ เสด็จมาแต่ชั้นดุสิตสู่แผ่นดิน ข้าพระองค์ยังไม่ได้เห็นหรือไม่ได้ยินต่อใครๆ ในกาลก่อนแต่นี้เลย พระองค์ผู้มีพระจักษุ ย่อมปรากฏแก่มนุษย์ทั้งหลาย เหมือนปรากฏแก่โลก พร้อมด้วยเทวดา ฉะนั้นพระองค์ผู้เดียวบรรเทาความมืดได้ทั้งหมด ทรงถึงความยินดีในเนกขัมมะ ศิษย์ทั้งหลายมีกษัตริย์เป็นต้นเป็นอันมาก มาเฝ้าพระองค์ผู้เป็นพุทธะ ผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ ไม่หลอกลวง เสด็จมาแล้วสู่แผ่นดิน ณ เมืองสังกัสสะนี้ ด้วยปัญหา มีอยู่ เมื่อภิกษุเกลียดชังแต่ทุกข์มีชาติเป็นต้นอยู่ เสพที่นั่งอันสงัด คือ โคนไม้ ป่าช้า หรือที่นั่งอันสงัดในถ้ำแห่งภูเขา ในที่นอนอันเลว และประณีต ความขลาดกลัวซึ่งเป็นเหตุจะไม่ทำให้ภิกษุหวั่นไหว ในที่ นอนและที่นั่งอันไม่มีเสียงกึกก้องนั้น มีประมาณเท่าไร อันตราย ในโลกของภิกษุผู้จะไปยังทิศที่ไม่เคยไป ซึ่งภิกษุจะพึงครอบงำเสียใน ที่นอนและที่นั่งอันสงัด มีประมาณเท่าไร ภิกษุนั้นพึงมีถ้อยคำอย่างไร พึงมีโคจรในโลกนี้อย่างไร ภิกษุผู้มีใจเด็ดเดี่ยว พึงมีศีลและวัตร อย่างไร สมาทานสิกขาอะไร จึงเป็นผู้มีจิตแน่วแน่ มีปัญญารักษาตน มีสติ พึงกำจัดมลทินของตน เหมือนนายช่างทองกำจัดมลทินของทอง ฉะนั้น ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสารีบุตร ถ้าว่าธรรมเป็นเครื่องอยู่สำราญ และธรรมที่สมควรนี้ใดของภิกษุผู้เกลียด ชังแต่ทุกข์มีชาติเป็นต้น ผู้ใคร่จะตรัสรู้เสพอยู่ซึ่งที่นั่งและที่นอนอัน สงัดมีอยู่ไซร้ เราจะกล่าวธรรมเป็นเครื่องอยู่สำราญและธรรมที่ สมควรนั่นตามที่รู้ แก่เธอภิกษุผู้เป็นปราชญ์ มีสติ ประพฤติอยู่ในเขต แดนของตนไม่พึงกลัวแต่ภัย ๕ อย่าง คือ เหลือบ ยุง สัตว์

- หน้า 389 -

เสือกคลานผัสสะแห่งมนุษย์ (มีมนุษย์ผู้เป็นโจรเป็นต้น) สัตว์ สี่เท้าภิกษุผู้แสวงหากุศลธรรมอยู่เนืองๆ ไม่พึงสะดุ้งแม้ต่อเหล่าชนผู้ ประพฤติธรรมอื่นนอกจากสหธรรมิก แม้ได้เห็นเหตุการณ์อันนำมา ซึ่งความขลาดเป็นอันมากของชนเหล่านั้น และอันตรายเหล่าอื่น ก็พึง ครอบงำเสียได้ ภิกษุอันผัสสะแห่งโรคคือ ความหิว เย็นจัด ร้อนจัด ถูกต้องแล้ว พึงอดกลั้นได้ภิกษุนั้นเป็นผู้อันโรคเหล่านั้นถูกต้องแล้ว ด้วยอาการต่างๆ ก็มิได้ทำโอกาสให้แก่อภิสังขารเป็นต้น พึงบากบั่น กระทำความเพียรให้มั่นคงไม่พึงกระทำการขโมย ไม่พึงกล่าวคำมุสา พึงแผ่เมตตาไปยังหมู่สัตว์ทั้งที่สะดุ้งและมั่นคง ในกาลใด พึงรู้เท่าความ ที่ใจเป็นธรรมชาติขุ่นมัว ในกาลนั้น พึงบรรเทาเสียด้วยคิดว่า นี้เป็น ฝักฝ่ายแห่งธรรมดำ ไม่พึงลุอำนาจแห่งความโกรธและการดูหมิ่นผู้อื่น พึงขุดรากเง่าแห่งความโกรธและการดูหมิ่นผู้อื่นเหล่านั้นแล้วดำรงอยู่ เมื่อจะครอบงำก็พึงครอบงำความรักหรือความไม่รักเสียโดยแท้ ภิกษุ ผู้ประกอบด้วยปีติอันงาม มุ่งบุญเป็นเบื้องหน้าพึงข่มอันตรายเหล่านั้น เสีย พึงครอบงำความไม่ยินดีในที่นอนอันสงัด พึงครอบงำธรรมอันเป็น ที่ตั้งแห่งความร่ำไรทั้ง ๔ อย่าง ผู้เป็นเสขะ ไม่มีความกังวลเที่ยวไป พึงปราบวิตกอันเป็นที่ตั้งแห่งความร่ำไรเหล่านี้ว่าเราจักบริโภคอะไร หรือว่า เราจักบริโภคที่ไหน เมื่อคืนนี้เรานอนเป็นทุกข์นัก ค่ำวันนี้เราจักนอน ที่ไหน ภิกษุนั้นได้ข้าวและที่อยู่ในกาลแล้วพึงรู้จักประมาณ (ในกาล รับและในกาลบริโภค) เพื่อความสันโดษในศาสนานี้ ภิกษุนั้นคุ้มครอง แล้วในปัจจัยเหล่านั้น สำรวมระวังเที่ยวไปในบ้านถึงใครๆ ด่าว่า เสียดสีก็ไม่พึงกล่าววาจาหยาบ พึงเป็นผู้มีจักษุทอดลงและไม่พึงโลเล ด้วยเท้า พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌานเป็นผู้ตื่นอยู่โดยมาก ปรารภอุเบกขา มีจิตตั้งมั่นดี พึงตัดเสียซึ่งธรรมเป็นที่อยู่แห่งวิตกและความคะนอง ภิกษุผู้อันอุปัชฌายะเป็นต้นตักเตือนแล้วด้วยวาจา พึงเป็นผู้มีสติยินดี รับคำตักเตือนนั้น พึงทำลายตะปู คือความโกรธในสพรหมจารีทั้งหลาย พึงเปล่งวาจาอันเป็นกุศล ไม่ให้ล่วงเวลา ไม่พึงคิดในการกล่าวติเตียน

- หน้า 390 -

ผู้อื่น ต่อแต่นั้น พึงเป็นผู้มีสติศึกษาเพื่อปราบธุลี ๕ อย่างในโลก ครอบงำความกำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และผัสสะ ครั้นปราบความพอใจในธรรมเหล่านี้ได้แล้ว พึงเป็นผู้มีสติ มีจิตหลุดพ้น ด้วยดี พิจารณาธรรมอยู่โดยชอบ โดยกาลอันสมควรมีจิตแน่วแน่ พึงกำจัดความมืดเสียได้ ฉะนี้แล ฯ จบสารีปุตตสูตรที่ ๑๖ จบอัฏฐกวรรคที่ ๔ ____________ รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ ๑. กามสูตร ๒. คุหัฏฐกสูตร ๓. ทุฏฐัฏฐสูตร ๔. สุทธัฏฐกสูตร ๕. ปรมัฏฐกสูตร ๖. ชราสูตร ๗. ติสสเมตเตยยสูตร ๘. ปสูรสูตร ๙. มาคันทิยสูตร ๑๐. ปุราเภทสูตร ๑๑. กลหวิวาทสูตร ๑๒. จูฬวิยูหสูตร ๑๓. มหาวิยูหสูตร ๑๔. ตุวฏกสูตร ๑๕. อัตตทัณฑสูตร ๑๖. สารีปุตตสูตร พระสูตรเหล่านี้ทั้งหมดมี ๘ วรรค ด้วยประการฉะนี้ ฯ
สุตันตปิฎกไทย: - สุตฺต. ขุ. 25/521/423.