สุตันตปิฎกไทย

อิติวุ. ขุ. 25/316/289. เล่ม 25, หน้า 248, ข้อ 289

- หน้า 248 -

๙. กุหนาสูตร
[๒๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นผู้หลอกลวง มีใจกระด้าง ประจบประแจง ประกอบด้วยกิเลสอันปรากฏดุจเขา มีกิเลสดุจไม้อ้อสูงขึ้น มีใจไม่ตั้งมั่น ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้ไม่นับถือเรา ภิกษุเหล่านั้นปราศไปแล้วจากธรรมวินัยนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ไม่หลอกลวง ไม่ประจบประแจง เป็นนักปราชญ์ มีใจไม่กระด้าง มีใจ ตั้งมั่นดี ภิกษุเหล่านั้นแลเป็นผู้นับถือเรา ไม่ปราศไปแล้วจากธรรมวินัยนี้ และย่อมถึงความ เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ฯ ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้หลอกลวง มีใจกระด้าง ประจบประแจงประกอบ ด้วยกิเลสอันปรากฏดุจเขา มีกิเลสดุจไม้อ้อสูงขึ้นมีใจไม่ตั้งมั่น ภิกษุ เหล่านั้นย่อมไม่งอกงามในธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ไม่หลอกลวง ไม่ประจบประแจง เป็นนักปราชญ์ มี ใจไม่กระด้าง มีใจตั้งมั่นดี ภิกษุเหล่านั้นแล ย่อมงอกงามในธรรมอัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ฯ จบสูตรที่ ๙ ๑๐. ปุริสสูตร

[๒๘๙]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษพึงถูกกระแสแห่งแม่น้ำคือ ปิยรูปและ สาตรูปพัดไป บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่ที่ฝั่งเห็นบุรุษนั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า แน่ะบุรุษผู้เจริญ ท่านถูกกระแสแห่งแม่น้ำ คือ ปิยรูปและสาตรูปพัดไปแม้โดยแท้ แต่ท่านถึงห้วงน้ำที่มีอยู่ภาย ใต้แห่งแม่น้ำนี้ซึ่งมีคลื่น มีความวนเวียนมีสัตว์ร้าย มีผีเสื้อน้ำ ย่อมเข้าถึงความตายหรือความ ทุกข์ปางตาย ลำดับนั้นแลบุรุษนั้นได้ฟังเสียงของบุรุษนั้นแล้ว พึงพยายามว่ายทวนกระแสน้ำ ด้วยมือทั้ง ๒และด้วยเท้าทั้ง ๒ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราแสดงข้ออุปมานี้แล เพื่อจะให้แจ่ม แจ้งซึ่งเนื้อความ ก็ในอุปมานี้มีเนื้อความดังต่อไปนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่ากระแสแห่งแม่น้ำ นี้แล เป็นชื่อแห่งตัณหา คำว่า ปิยรูปและสาตรูป เป็นชื่ออายตนะภายใน ๖ คำว่า ห้วงน้ำ
สุตันตปิฎกไทย: - อิติวุ. ขุ. 25/316/289.