- หน้า 41 -
ไซร้ บุคคลนั้นพึงครอบงำอันตรายทั้งปวง มีใจชื่นชม มีสติเที่ยวไป กับสหายนั้น ถ้าว่าบุคคลไม่พึงได้สหายผู้มีปัญญารักษาตน ผู้เที่ยวไปด้วย กันมีปกติอยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้ บุคคลนั้นพึงเที่ยวไปผู้ เดียวดุจพระราชาทรงละแว่นแคว้น อันพระองค์ทรงชนะ แล้วเสด็จเที่ยว ไปพระองค์เดียว ดุจช้างชื่อมาตังคะละโขลงเที่ยวไปตัวเดียวในป่า ฉะนั้น การเที่ยวไปของบุคคลผู้เดียวประเสริฐกว่า เพราะความเป็น สหายไม่มีในเพราะชนพาล บุคคลพึงเที่ยวไปผู้เดียว ดุจช้างชื่อมาตังคะ มีความขวนขวายน้อยเที่ยวไปในป่า และไม่พึงทำบาปทั้งหลาย สหายทั้งหลายเมื่อความต้องการเกิดขึ้น นำความสุขมาให้ ความยิน ดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ นำมาซึ่งความสุข บุญนำความสุขมาให้ใน เวลาสิ้นชีวิต การละทุกข์ได้ทั้งหมดนำมาซึ่งความสุขความเป็นผู้เกื้อกูล มารดานำมาซึ่งความสุขในโลก ความเป็นผู้เกื้อกูลบิดานำมาซึ่งความสุข ความเป็นผู้เกื้อกูลสมณะนำมาซึ่งความสุขในโลกและความเป็นผู้เกื้อกูล พราหมณ์นำมาซึ่งความสุขในโลก ศีลนำมาซึ่งความสุขตราบเท่าชรา ศรัทธาตั้งมั่นแล้วนำมาซึ่งความสุข การได้เฉพาะซึ่งปัญญานำมาซึ่ง ความสุข การไม่ทำบาปทั้งหลายนำมาซึ่งความสุข ฯ จบนาควรรคที่ ๒๓ คาถาธรรมบท ตัณหาวรรคที่ ๒๔- หน้า 42 -
ย่อมครอบงำตัณหาอันลามก ล่วงไปได้โดยยากในโลกความโศก ทั้งหลายย่อมตกไปจากบุคคลนั้น เหมือนหยาดน้ำตกไปจากใบบัว ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวกะท่านทั้งหลายผู้มาประชุมกันในที่นี้ ท่านทั้งหลายจงขุดรากแห่งตัณหาเสีย ดุจบุรุษต้องการแฝกขุดแฝก ฉะนั้นมารอย่าระรานท่านทั้งหลายบ่อยๆ ดุจกระแสน้ำระรานไม้อ้อ ฉะนั้น ต้นไม้ เมื่อรากหาอันตรายมิได้ มั่นคงอยู่ แม้ถูกตัดแล้วก็ กลับงอกขึ้นได้ ฉันใด ทุกข์นี้ เมื่อบุคคลยังถอนเชื้อตัณหาขึ้นไม่ได้ แล้ว ย่อมเกิดขึ้นบ่อยๆ แม้ฉันนั้นความดำริทั้งหลายที่อาศัยราคะ เป็นของใหญ่ ย่อมนำบุคคลผู้มีตัณหาดังกระแส ๓๖ อันไหลไปในอารมณ์ ซึ่งทำให้ใจเอิบอาบ เป็นของกล้า ไปสู่ทิฐิชั่ว กระแสตัณหาย่อม ไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง ตัณหาดังเครือเถาเกิดขึ้นแล้วย่อมตั้งอยู่ ก็ ท่านทั้งหลายเห็นตัณหาดังเครือเถานั้นอันเกิดแล้ว จงตัดรากเสียด้วย ปัญญา โสมนัสที่ซ่านไปแล้วและที่เป็นไปกับด้วยความเยื่อใย ย่อมมี แก่สัตว์ สัตว์เหล่านั้นอาศัยความสำราญ แสวงหาสุข นรชนเหล่านั้น แลเป็นผู้เข้าถึงชาติและชรา หมู่สัตว์ถูกตัณหาอันทำความสะดุ้งห้อม ล้อมแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย ดุจกระต่ายติดแร้วกระสับกระส่ายอยู่ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ข้องแล้วด้วยสังโยชน์และธรรมเป็นเครื่อง ข้อง ย่อมเข้าถึงทุกข์บ่อยๆสิ้นกาลนาน หมู่สัตว์ถูกตัณหาอันทำความ สะดุ้งห้อมล้อมแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย ดุจกระต่ายติดแร้วกระสับ กระส่ายอยู่ ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น ภิกษุเมื่อหวังวิราคะธรรมแก่ตน พึงบรรเทาตัณหาที่ทำความสะดุ้งเสีย ท่านทั้งหลายจงเห็นบุคคลผู้ไม่มี กิเลสเพียงดังหมู่ไม้ในป่า มีใจน้อมไปแล้วในความเพียรดุจป่า พ้นแล้ว จากตัณหาเพียงดังป่า ยังแล่นเข้าหาป่านั่นแล บุคคลนี้พ้นแล้วจาก เครื่องผูกยังแล่นเข้าหาเครื่องผูก นักปราชญ์ทั้งหลายหากล่าวเครื่องผูก ซึ่งเกิดแต่เหล็ก เกิดแต่ไม้ และเกิดแต่หญ้าปล้องว่ามั่นไม่ สัตว์ผู้ กำหนัดแล้ว กำหนัดนักแล้ว ในแก้วมณีและแก้วกุณฑลทั้งหลาย และความห่วงใยในบุตรและภริยา นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวเครื่องผูกอัน- หน้า 43 -
หน่วงลง อันหย่อน อันบุคคลเปลื้องได้โดยยาก นั้นว่ามั่น นักปราชญ์ ทั้งหลายตัดเครื่องผูกแม้นั้นแล้ว เป็นผู้ไม่มีความห่วงใยละกามสุขแล้ว ย่อมเว้นรอบ สัตว์เหล่าใดถูกราคะย้อมแล้ว สัตว์เหล่านั้นย่อมแล่น ไปตามกระแสตัณหา ดุจแมลงมุมแล่นไปตามใยที่ตนทำเอง ฉะนั้น นักปราชญ์ทั้งหลายตัดเครื่องผูกแม้นั้นแล้ว เป็นผู้ไม่มีความห่วงใย ย่อม ละทุกข์ทั้งปวงไป ท่านจงปล่อยความอาลัยในขันธ์ที่เป็นอดีตเสีย จง ปล่อยความอาลัยในขันธ์ที่เป็นอนาคตเสีย จงปล่อยความอาลัยในขันธ์ ที่เป็นปัจจุบันเสีย จักเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ มีใจพ้นวิเศษแล้วในสังขต ธรรมทั้งปวง จักไม่เข้าถึงชาติและชราอีก ตัณหาย่อมเจริญยิ่งแก่ผู้ที่ถูก วิตกย่ำยี ผู้มีราคะกล้า มีปกติเห็นอารมณ์ว่างาม ผู้นั้นแลย่อมทำเครื่อง ผูกให้มั่น ส่วนผู้ใดยินดีแล้วในฌานเป็นที่สงบวิตก มีสติทุกเมื่อ เจริญ อสุภะอยู่ ผู้นั้นแลจักทำตัณหาให้สิ้นไป ผู้นั้นจะตัดเครื่องผูกแห่งมาร ได้ ภิกษุผู้ถึงความสำเร็จแล้ว ไม่มีความสะดุ้ง ปราศจากตัณหาไม่มี กิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันยังสัตว์ให้ไปสู่ภพได้แล้ว อัตภาพ ของภิกษุนี้มีในที่สุด ภิกษุปราศจากตัณหาไม่ยึดมั่น ฉลาดในนิรุติ และบท รู้จักความประชุมเบื้องต้น และเบื้องปลายแห่งอักษรทั้งหลาย ภิกษุนั้นแลมีสรีระในที่สุด เรากล่าวว่า มีปัญญามาก เป็นมหาบุรุษ เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้แจ้งธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฐิไม่ ฉาบทาแล้วในธรรมทั้งปวง ละธรรมได้ทุกอย่างพ้นวิเศษแล้วเพราะความ สิ้นตัณหา รู้ยิ่งเอง พึงแสดงใครเล่า (ว่าเป็นอุปัชฌาย์หรืออาจารย์) การ ให้ธรรมเป็นทานย่อมชำนะการให้ทั้งปวง รสแห่งธรรมย่อมชำนะรสทั้ง ปวงความยินดีในธรรมย่อมชำนะความยินดีทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ย่อมชำนะทุกข์ทั้งปวง โภคทรัพย์ทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม แต่ หาฆ่าผู้ที่แสวงหาฝั่งไม่ คนมีปัญญาทรามย่อมฆ่าตนได้ เหมือนบุคคลฆ่า ผู้อื่นเพราะความอยากได้โภคทรัพย์ ฉะนั้น นาทั้งหลาย มีหญ้าเป็นโทษ หมู่สัตว์มีราคะเป็นโทษ เพราะเหตุนั้นแล ทานที่บุคคลถวายในท่าน ผู้ปราศจากราคะ ย่อมมีผลมาก นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษ หมู่สัตว์นี้