- หน้า 51 -
พ. ดูกรสุนักขัตตะ ฉันนั้นเหมือนกันแล เมื่อความเกี่ยวข้องในอากิญ จัญญายตนสมา บัติ อันปุริสบุคคลผู้น้อมใจไปในเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติคายได้แล้ว บุคคลที่เป็น อย่างนี้นั้น พึงทราบเถิดว่า เป็นปุริสบุคคลผู้น้อมใจไปในเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ พรากแล้วจากความเกี่ยวข้องในอากิญจัญญายตนสมาบัติ ฯ- หน้า 52 -
ซึ่งทัสสนะคือรูปอันไม่เป็นที่สบายด้วยจักษุ ซึ่งเสียงอันไม่เป็นที่สบายด้วยโสต ซึ่งกลิ่น อันไม่เป็นที่สบายด้วยฆานะ ซึ่งรสอันไม่ เป็นที่สบายด้วยชิวหา ซึ่งโผฏฐัพพะอันไม่เป็นที่ สบายด้วยกาย ซึ่งธรรมารมณ์อันไม่เป็นที่สบายด้วยมโนแล้ว ราคะพึงตามกำจัดจิต เธอมี จิตถูกราคะตามกำจัดแล้ว พึงเข้าถึงความตาย หรือทุกข์ปางตาย เปรียบเหมือนบุรุษถูกลูกศร ที่มีอาพิษอาบไว้อย่างหนาแล้ว มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิตของเขาให้หมอผ่าตัดรักษา หมอ ผ่าตัดใช้ศาตราชำแหละปากแผลของเขา ครั้นแล้วใช้เครื่องตรวจค้นหาลูกศร แล้วถอนลูกศร ออก กำจัดโทษคือพิษที่ยังมีเชื้อเหลือติดอยู่ จนรู้ว่าไม่มีเชื้อเหลือติด อยู่ จึงบอกอย่างนี้ว่า ดูกรพ่อมหาจำเริญ เราถอนลูกศรให้ท่านเสร็จแล้ว โทษคือพิษเราก็กำจัดจนไม่มีเชื้อเหลือติด อยู่แล้ว ท่านหมดอันตราย และพึงบริโภคโภชนะที่สบายได้ เมื่อท่านจะบริโภคโภชนะที่ แสลง ก็อย่าให้แผลต้องกำเริบและท่านต้องชะแผลทุกเวลา ทายาสมานปากแผลทุกเวลา เมื่อ ท่านชะแผลทุกเวลา ทายาสมานปากแผลทุกเวลา อย่าให้น้ำเหลืองและเลือดรัดปากแผลได้ และท่านอย่าเที่ยวตากลมตากแดดไปเนืองๆ เมื่อท่านเที่ยวตากลม ตากแดดไปเนืองๆ แล้ว ก็อย่าให้ละอองและของโสโครกติดตามทำลายปากแผลได้ ดูกรพ่อมหาจำเริญ ท่านต้องคอย รักษาแผลอยู่จนกว่าแผลจะประสานกัน บุรุษนั้นมีความ คิดอย่างนี้ว่า หมอถอนลูกศรให้เรา เสร็จแล้ว โทษคือพิษหมอก็กำจัดจนไม่มีเชื้อเหลือติดอยู่แล้ว เราหมดอันตราย เขาจึงบริโภค โภชนะที่แสลง เมื่อบริโภคโภชนะที่แสลงอยู่ แผลก็กำเริบ และไม่ชะแผลทุกเวลา ไม่ทายา สมานปากแผลทุกเวลา เมื่อเขาไม่ชะแผลทุกเวลา ไม่ทายาสมานปากแผลทุกเวลา น้ำเหลือง และเลือดก็รัดปากแผล และเขาเที่ยวตากลม ตากแดด ไปเนืองๆ เมื่อเขาเที่ยวตากลม ตาก แดดไปเนืองๆ แล้ว ปล่อยให้ละอองและของโสโครกติดตามทำลายปากแผลได้ ไม่คอยรักษา แผลอยู่ จนแผลประสานกันไม่ได้ เพราะเขาทำสิ่งที่แสลงนี้แล แผลจึงถึงความบวมได้ด้วย เหตุ ๒ ประการคือ ไม่กำจัดของไม่สะอาดและโทษคือพิษอันยังมีเชื้อเหลือติดอยู่ เขามีแผล ถึงความ บวมแล้ว พึงเข้าถึงความตาย หรือทุกข์ปางตายได้ ฉันใด ดูกรสุนักขัตตะ ฉันนั้น เหมือนกันแล ข้อที่ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ พึงมีความดำริอย่างนี้ว่าพระสมณะตรัสลูกศร คือตัณหาไว้แล โทษอันเป็นพิษคืออวิชชาย่อมงอกงามได้ด้วยฉันทราคะและพยาบาท เราละ