สุตันตปิฎกไทย

สฬา. สํ. 18/185/255. เล่ม 18, หน้า 152, ข้อ 255

- หน้า 152 -

ละมิจฉาทิฐิได้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุบุคคลรู้เห็นจักษุแล โดยความเป็นของไม่ เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็นรูปโดยความเป็นของไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็น จักษุวิญญาณโดยความเป็นของไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็นจักษุสัมผัสโดยความเป็น ของไม่เที่ยงจึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็นจักษุสัมผัสโดยความไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฏฐิ ได้ รู้เห็นแม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่ เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นของไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ บุคคลรู้เห็นหู... รู้เห็นจมูก... รู้เห็นลิ้น... รู้เห็น กาย... รู้เห็นใจโดยความ เป็นของไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็นธรรมารมณ์โดยความเป็นของ ไม่เที่ยงจึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็นมโนวิญญาณโดยความเป็นของไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิ ได้ รู้เห็นมโนสัมผัสโดยความเป็นของไม่เที่ยง จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ รู้เห็นสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยโดยความเป็นของไม่เที่ยง จึงจะละ มิจฉาทิฐิได้ ดูกรภิกษุ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้แล จึงจะละมิจฉาทิฐิได้ ฯ จบสูตรที่ ๑๐ สักกายทิฏฐิสูตร

[๒๕๕]
ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับฯลฯ ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร จึงจะละสักกายทิฐิ ได้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลรู้เห็นจักษุแลโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกาย ทิฐิได้ รู้เห็นรูปโดยความเป็นทุกข์จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็นจักษุวิญญาณโดยความเป็น ทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็นจักษุสัมผัสโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็น แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยโดยความ เป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ บุคคลรู้เห็นหู ... รู้เห็นจมูก... รู้เห็นลิ้น... รู้เห็นกาย... รู้เห็นใจ โดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐได้ รู้เห็นธรรมารมณ์โดยความเป็นทุกข์ จึงจะละ
สุตันตปิฎกไทย: - สฬา. สํ. 18/185/255.