สุตันตปิฎกไทย

อิติวุ.ขุ. 25/293-294/266-267. เล่ม 25, หน้า 228, ข้อ 266

- หน้า 228 -

ทั้งปวง ภิกษุนั้นแล ผู้เห็นโดยชอบพยายามอยู่ ย่อมน้อมไปใน นิพพานเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง ภิกษุนั้นแล ผู้อยู่จบอภิญญา สงบระงับล่วงโยคะเสียได้แล้ว ชื่อว่าเป็นมุนี ฯ จบสูตรที่ ๖ ๗. ธรรมสูตร
[๒๖๕] เมื่อภิกษุกล่าวว่า ผู้นี้ปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรม เพื่อพยากรณ์ด้วยธรรมอัน สมควรใด ธรรมอันสมควรนี้ ย่อมมีแก่ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรม ดังนี้ ชื่อว่าย่อม กล่าวธรรมอย่างเดียว ย่อมไม่ตรึกถึงวิตกที่เป็นธรรม ภิกษุเว้นการกล่าวธรรมและการตรึกถึง อธรรมทั้ง ๒ นั้นเป็นผู้มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ ฯ ภิกษุมีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม ค้นคว้าธรรมอยู่ระลึกถึง ธรรมอยู่เนืองๆ ย่อมไม่เสื่อมจากพระสัทธรรมภิกษุเดินอยู่ก็ดี ยืนอยู่ ก็ดี นั่งอยู่ก็ดี นอนอยู่ก็ดี ให้จิตของตนสงบอยู่ ณ ภายใน ย่อมถึง ความสงบอันแท้จริง ฯ จบสูตรที่ ๗ ๘. อันธการสูตร

[๒๖๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก ๓ ประการนี้ กระทำความมืดมน ไม่กระทำ ปัญญาจักษุ กระทำความไม่รู้ ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไป เพื่อนิพพาน อกุศลวิตก ๓ ประการเป็นไฉน คือกามวิตก ๑ พยาบาทวิตก ๑ วิหิงสาวิตก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก๓ ประการนี้แล กระทำความมืดมน ไม่กระทำปัญญาจักษุ กระทำความไม่รู้ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน ฯ
สุตันตปิฎกไทย: - อิติวุ.ขุ. 25/293-294/266-267.