- หน้า 228 -
ทั้งปวง ภิกษุนั้นแล ผู้เห็นโดยชอบพยายามอยู่ ย่อมน้อมไปใน
นิพพานเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง ภิกษุนั้นแล ผู้อยู่จบอภิญญา
สงบระงับล่วงโยคะเสียได้แล้ว ชื่อว่าเป็นมุนี ฯ
จบสูตรที่ ๖
๗. ธรรมสูตร
[๒๖๕] เมื่อภิกษุกล่าวว่า ผู้นี้ปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรม เพื่อพยากรณ์ด้วยธรรมอัน
สมควรใด ธรรมอันสมควรนี้ ย่อมมีแก่ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรม ดังนี้ ชื่อว่าย่อม
กล่าวธรรมอย่างเดียว ย่อมไม่ตรึกถึงวิตกที่เป็นธรรม ภิกษุเว้นการกล่าวธรรมและการตรึกถึง
อธรรมทั้ง ๒ นั้นเป็นผู้มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ ฯ
ภิกษุมีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม ค้นคว้าธรรมอยู่ระลึกถึง
ธรรมอยู่เนืองๆ ย่อมไม่เสื่อมจากพระสัทธรรมภิกษุเดินอยู่ก็ดี ยืนอยู่
ก็ดี นั่งอยู่ก็ดี นอนอยู่ก็ดี ให้จิตของตนสงบอยู่ ณ ภายใน ย่อมถึง
ความสงบอันแท้จริง ฯ
จบสูตรที่ ๗
๘. อันธการสูตร
[๒๖๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก ๓ ประการนี้ กระทำความมืดมน ไม่กระทำ
ปัญญาจักษุ กระทำความไม่รู้ ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไป
เพื่อนิพพาน อกุศลวิตก ๓ ประการเป็นไฉน คือกามวิตก ๑ พยาบาทวิตก ๑ วิหิงสาวิตก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก๓ ประการนี้แล กระทำความมืดมน ไม่กระทำปัญญาจักษุ
กระทำความไม่รู้ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน ฯ
สุตันตปิฎกไทย:
- อิติวุ.ขุ. 25/293-294/266-267.