- หน้า 359 -
โดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถี ฝึกบุรุษ
ที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว
เป็นผู้จำแนกพระธรรม มาไปกันเถิดภารทวาชะ เราจักเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ
ครั้นแล้วจักกราบทูลถามความข้อนี้กะพระสมณโคดม พระสมณโคดมจักทรงพยากรณ์แก่เราทั้งสอง
อย่างใด เราจักทรงจำข้อความนั้นไว้อย่างนั้น ภารทวาชมาณพรับคำวาเสฏฐมาณพแล้วพากันไป.
[๓๖๘]
ครั้งนั้น วาเสฏฐมาณพกับภารทวาชมาณพ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอเป็นที่ให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง. เวเสฏฐมาณพได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ขอประทานโอกาส
เมื่อข้าพระองค์ทั้งสองเดินเล่นตามกันไป ได้พูดกันขึ้นถึงเรื่องทางและมิใช่ทาง ข้าพระองค์พูด
อย่างนี้ว่า ทางที่ท่านโปกขรสาติพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้น เป็นมรรคาตรง เป็นทางตรง เป็นทาง
นำออก นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นให้เป็นสหายแห่งพรหมได้ ภารทวาชมาณพพูดอย่างนี้ว่า
หนทางที่ท่านตารุกขพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้น เป็นมรรคาตรง เป็นทางตรง เป็นทางนำออก
นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นให้เป็นสหายแห่งพรหมได้.
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องทางและมิใช่ทางนี้ ยังมีการถือผิดกันอยู่หรือ ยังมีการ
กล่าวผิดกันอยู่หรือ ยังมีการพูดต่างกันอยู่หรือ. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรวาเสฏฐะ ได้ยินว่า
ท่านพูดว่า หนทางที่ท่านโปกขรสาติพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้น เป็นมรรคาตรง เป็นทางตรง
เป็นทางนำออก นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นให้เป็นสหายแห่งพรหมได้ ภารทวาชมาณพพูดว่า
หนทางที่ท่านตารุกขพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้น เป็นมรรคาตรง เป็นทางตรง เป็นทางนำออก
นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นให้เป็นสหายแห่งพรหมได้ ดูกรวาเสฏฐะ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกท่าน
จะถือผิดกันในข้อไหน จะกล่าวผิดกันในข้อไหน จะพูดต่างกันในข้อไหน.
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องทางและมิใช่ทาง พราหมณ์ทั้งหลาย คือ พราหมณ์
พวกอัทธริยะ พราหมณ์พวกติตติริยะ พราหมณ์พวกฉันโทกะ พราหมณ์พวกพัวหริธ ย่อม
บัญญัติหนทางต่างๆ กันก็จริง ถึงอย่างนั้น ทางเหล่านั้นทั้งมวล เป็นทางนำออก นำผู้ดำเนิน
สุตันตปิฎกไทย:
- สี.ที. 9/297-304/368-376.