พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/106/70
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ได้เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสาวกเหล่าใด เมื่อสุเนตตศาสดากำลังแสดงธรรม
เพื่อความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหมโลก ยังจิตให้เลื่อมใส สาวกเหล่านั้นเมื่อตายไป
ได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ศาสดาชื่อว่า มูคปักขะ ฯลฯ ศาสดาชื่อว่า
อรเนมิ ฯลฯ ศาสดาชื่อว่ากุททาละ ฯลฯ ศาสดาชื่อว่าหัตถิปาละ ฯลฯศาสดาชื่อว่า
โชติปาละ ฯลฯ ศาสดาชื่อว่าอรกะ เป็นเจ้าลัทธิ ปราศจากความกำหนัดในกาม ก็อรกศาสดานั้น
มีสาวกอยู่หลายร้อยคน เธอแสดงธรรมให้สาวกฟัง เพื่อความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหมโลก
สาวกเหล่าใด เมื่ออรกศาสดากำลังแสดงธรรมเพื่อความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหมโลก ไม่
ยังจิตให้เลื่อมใส สาวกเหล่านั้น เมื่อตายไป ได้เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสาวก
เหล่าใด เมื่ออรกศาสดากำลังแสดงธรรมเพื่อความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหมโลก ยังจิตให้
เลื่อมใส สาวกเหล่านั้น เมื่อตายไป ได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ผู้ใดมีจิตประทุษร้าย พึงด่า
พึงบริภาษศาสดาเจ้าลัทธิทั้ง ๗ นี้ ผู้เป็นเจ้าลัทธิ ปราศจากความกำหนัดในกาม มีบริวารหลาย
ร้อยคน พร้อมด้วยหมู่สาวก ผู้นั้นจะพึงประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมากหรือ ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดมีจิตประทุษร้าย พึงด่า พึงบริภาษศาสดาเจ้าลัทธิทั้ง ๗ นี้
ผู้เป็นเจ้าลัทธิ ปราศจากความกำหนัดในกาม มีบริวารหลายร้อยคน พร้อมด้วยหมู่สาวก ผู้นั้น
พึงประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก แต่ผู้ใดมีจิตประทุษร้ายด่าบริภาษบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยทิฐิ
คนเดียว ผู้นี้ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญมากกว่านั้นอีก ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะเราไม่
กล่าวความอดทนเห็นปานนี้ โดยเฉพาะในเพื่อนพรหมจรรย์ภายนอกจากธรรมวินัยนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลายเพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักไม่มีจิตประทุษร้าย
ในเพื่อนพรหมจรรย์เลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๙