พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/108/121
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
จากหมู่มหาชนนั้น เข้ามาหาเรา ครั้นเข้ามาหาแล้ว อภิวาทเราแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งเ
ราได้กล่าวกะบุรุษนั้น ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ หมู่มหาชนนั้นประชุมกันทำไมหนอ ฯ
บ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อกี้นี้ เมื่อฝนกำลังตก ตกอย่างหนัก ฟ้าลั่นอยู่ ฟ้าผ่าอยู่
ชาวนาสองพี่น้อง และโคพลิพัทสี่ตัวถูกสายฟ้าฟาด หมู่มหาชน ประชุมกัน เพราะเหตุนี้ ก็ท่าน
อยู่ในที่ไหนเล่า ฯ
เราอยู่ในที่นี้เอง ฯ
ก็ท่านไม่เห็นหรือ ฯ
เราไม่ได้เห็น ฯ
ก็ท่านไม่ได้ยินเสียงหรือ ฯ
เราไม่ได้ยิน ฯ
ก็ท่านหลับหรือ ฯ
เราไม่ได้หลับ ฯ
ก็ท่านยังมีสัญญาหรือ ฯ
อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ ฯ
ก็ท่านยังมีสัญญาตื่นอยู่ เมื่อฝนกำลังตก ตกอย่างหนัก ฟ้าลั่นอยู่ ฟ้า ผ่าอยู่ ไม่ได้
เห็น และ ไม่ได้ยินเสียงหรือ ฯ
อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ ฯ
ดูกรปุกกุสะ ลำดับนั้น บุรุษนั้นได้มีความคิดอย่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์หนอ เหตุไม่เคย
มีมามีแล้ว พวกบรรพชิตย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบหนอ ดังที่ท่าน ผู้ยังมีสัญญาตื่นอยู่
เมื่อฝนกำลังตก ตกอย่างหนัก ฟ้าลั่นอยู่ ฟ้าผ่าอยู่ ไม่ได้ เห็น และไม่ได้ยินเสียงบุรุษนั้น
ประกาศความเลื่อมใสอย่างยิ่งในเรา กระทำ ประทักษิณแล้วหลีกไป ฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ปุกกุสมัลลบุตรได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์โปรยความเลื่อมใสในอาฬารดาบส กาลามโคตร ลงในพายุใหญ่
หรือลอยเสียในแม่น้ำมีกระแสอันเชี่ยว ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิต ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิด