พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/109/122
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ของที่ปิด บอก ทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้
ฉันใด พระผู้มีพระภาคทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าพระองค์นี้
ขอถึงพระผู้มีพระภาคพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอ พระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้า
พระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วัน นี้เป็นต้นไป ฯ
ลำดับนั้น ปุกกุสมัลลบุตรสั่งบุรุษคนหนึ่งว่า ดูกรพนาย ท่านจงช่วยนำ คู่ผ้าเนื้อ
ละเอียดมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงของเรามา บุรุษนั้นรับคำปุกกุสมัลล บุตรแล้ว นำคู่ผ้าเนื้อ
ละเอียดมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงของเขามาแล้ว ปุกกุส มัลลบุตร จึงน้อมคู่ผ้า
เนื้อละเอียดมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงนั้น เข้าไปถวาย แด่พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ คู่ผ้าเนื้อละเอียดมีสีดังทองสิงคีนี้ เป็นผ้าทรง ขอพระผู้มีพระภาคจงอาศัยความอนุเคราะห์
ทรงรับคู่ผ้านั้นของข้า พระองค์เถิด พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรปุกกุสะ ถ้าเช่นนั้นท่านจงให้เรา
ครอง ผืนหนึ่ง ให้อานนท์ครองผืนหนึ่ง ปุกกุสมัลลบุตรรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาค แล้ว
ยังพระผู้มีพระภาคให้ทรงครองผืนหนึ่ง ให้ท่านพระอานนท์ครองผืนหนึ่ง ลำดับนั้น พระผู้มี
พระภาคทรงยังปุกกุสมัลลบุตรให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ รื่นเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว
ปุกกุสมัลลบุตร อันพระผู้มีพระภาคทรงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วย
ธรรมีกถาแล้วลุกจากอาสนะ ถวาย บังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ฯ
[๑๒๒] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ เมื่อปุกกุสมัลลบุตรหลีกไปแล้วไม่ นาน ได้น้อม
คู่ผ้าเนื้อละเอียดมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงนั้นเข้าไปสู่พระกาย ของพระผู้มีพระภาค ผ้าที่ท่าน
พระอานนท์น้อมเข้าไปสู่พระกายของพระผู้มีพระภาค นั้น ย่อมปรากฏดังถ่านไฟที่ปราศจากเปลว
ฉะนั้น ท่านพระอานนท์ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่า
อัศจรรย์ เหตุไม่เคยมีมามีแล้ว พระฉวีวรรณของพระตถาคตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งนัก คู่ผ้าเนื้อ
ละเอียดมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงนี้ ข้าพระองค์น้อมเข้าไปสู่พระกายของพระผู้มีพระภาค
ย่อมปรากฏ ดังถ่านไฟที่ปราศจากเปลว ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ข้อนี้เป็นอย่างนั้น อานนท์ ในกาลทั้งสอง กายของตถาคตย่อม
บริสุทธิ์ ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก ในกาลทั้งสองเป็นไฉน คือ ในราตรีที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตร
สัมมาสัมโพธิญาณ ๑ ในราตรีที่ตถาคตปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ ดูกรอานนท์
ในกาลทั้งสองนี้แล กายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก ดูกรอานนท์ ในปัจฉิม
ยามแห่งราตรีวันนี้แล ความ ปรินิพพานของตถาคตจักมีในระหว่างไม้สาละทั้งคู่ ในสาลวันอัน