พระสุตตันตปิฎกไทย: 17/11/22 23 24      
      สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
      
     
 
    
        
          
            
 [๒๒] ดูกรคฤหบดี  ก็มุนีเป็นผู้ทำถ้อยคำแก่งแย่งกับชนอื่นอย่างไร?  ดูกรคฤหบดี มุนี
บางคนในโลกนี้  ย่อมเป็นผู้ทำถ้อยคำเห็นปานนี้ว่า  ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้  เรารู้ทั่วถึงธรรม
วินัยนี้  ไฉนท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้  ท่านเป็นผู้ปฏิบัติผิด เราเป็นผู้ปฏิบัติชอบ คำที่ควร
กล่าวก่อน  ท่านกล่าวทีหลัง  คำที่ควรกล่าวทีหลัง ท่านกล่าวก่อน  คำของเรามีประโยชน์ คำ
ของท่านไม่มีประโยชน์  ข้อที่ท่านเคยประพฤติมาผิดเสียแล้ว  เรายกวาทะแก่ท่านแล้ว  ท่าน
จงประพฤติเพื่อปลดเปลื้องวาทะเสีย  ท่านเป็นผู้อันเราข่มได้แล้ว  หรือจงปลดเปลื้องเสียเองถ้า
ท่านสามารถ.  ดูกรคฤหบดี มุนีเป็นผู้ทำถ้อยคำแก่งแย่งกับชนอื่น อย่างนี้แล.
 [๒๓] ดูกรคฤหบดี  ก็มุนีไม่เป็นผู้ทำคำแก่งแย่งกับชนอื่นอย่างไร?  ดูกรคฤหบดี
ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้  ย่อมเป็นผู้ไม่ทำถ้อยคำเห็นปานนี้ว่า  ท่านย่อมไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้
เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้  ไฉนท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้  ท่านเป็นผู้ปฏิบัติผิด  เราเป็นผู้ปฏิบัติ
ชอบ คำที่ควรกล่าวก่อน  ท่านกล่าวทีหลัง คำที่ควรกล่าวทีหลัง ท่านกล่าวก่อน  คำของเรามี
ประโยชน์ คำของท่านไม่มีประโยชน์  ข้อที่ท่านเคยปฏิบัติมาผิดเสียแล้ว  เรายกวาทะแก่ท่านแล้ว
ท่านจงประพฤติเพื่อปลดเปลื้องวาทะเสีย  ท่านเป็นผู้อันเราข่มได้แล้ว  หรือจงปลดเปลื้องเสียเอง
ถ้าท่านสามารถ.  ดูกรคฤหบดี มุนีไม่เป็นผู้ทำถ้อยคำแก่งแย่งกับชนอื่น  อย่างนี้แล.
 [๒๔] ดูกรคฤหบดี  พระพุทธวจนะ ที่พระผู้มีพระภาค  ตรัสแล้วในมาคัณฑิยปัญหา
อันมีในอัฏฐกวรรคว่า
        มุนีละที่อยู่แล้ว  ไม่มีที่พักเที่ยวไป  ไม่ทำความสนิทสนมใน
        บ้าน  เป็นผู้ว่างจากกามทั้งหลาย  ไม่มุ่งถึงกาลข้างหน้า  ไม่ทำ
        ถ้อยคำแก่งแย่งกับชนอื่น ดังนี้.
     ดูกรคฤหบดี เนื้อความแห่งพระพุทธพจน์ ที่พระผู้มีพระภาคตรัส  โดยย่อนี้แล  พึง
เห็นโดยพิสดารอย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้.
		            จบ  สูตรที่ ๓