พระสุตตันตปิฎกไทย: 9/113/170

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
เล่ม 9
หน้า 113
ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ... ดูกรอัมพัฏฐะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฤาษีเหล่านั้นบริโภค ข้าวสาลีที่เก็บ กากแล้ว มีแกงและกับหลายอย่าง เหมือนเธอกับอาจารย์ในบัดนี้หรือไม่? ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ... ดูกรอัมพัฏฐะ ... ฤาษีเหล่านั้นบำเรออยู่ด้วยเหล่านารีผู้มีร่างกระชดกระช้อย เหมือนเธอ กับอาจารย์ในบัดนี้หรือไม่? ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ... ดูกรอัมพัฏฐะ ... ฤาษีเหล่านั้นใช้รถเทียมม้าหางตัด แทงด้วยปฏักด้ามยาวเหมือนเธอ กับอาจารย์ในบัดนี้หรือไม่? ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ... ฤาษีเหล่านั้นใช้บุรุษขัดกระบี่ให้รักษาเชิงเทินแห่งนคร ที่มีคูล้อมรอบลงลิ่ม เหมือนเธอ กับอาจารย์ในบัดนี้หรือไม่? ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ... ดูกรอัมพัฏฐะ เธอกับอาจารย์มิได้เป็นฤาษีเลย ทั้งมิได้ปฏิบัติเพื่อเป็นฤาษีด้วยประการ ฉะนี้แล ดูกรอัมพัฏฐะ ผู้ใดมีความเคลือบแคลงสงสัยในเรา ผู้นั้นจงถามเราด้วยปัญหา เราจักชำระให้ด้วยการพยากรณ์.
[๑๗๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากพระวิหารจงกรมแล้ว. แม้อัมพัฏฐมาณพ ก็ออกจากพระวิหารเดินจงกรมแล้ว. ขณะที่อัมพัฏฐมาณพเดินจงกรมตามพระผู้มีพระภาคอยู่นั้น ได้พิจารณาดูมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการในพระกายของพระผู้มีพระภาคก็ได้เห็นมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการโดยมาก เว้นอยู่ ๒ ประการ คือพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก ๑ พระชิวหาใหญ่ ๑ จึงยัง เคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใสอยู่ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงดำริว่า อัมพัฏฐมาณพ นี้เห็นมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการของเราโดยมาก เว้นอยู่ ๒ ประการ คือ คุยหะเร้นอยู่ในฝัก ๑