พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/114/85
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
สำคัญว่าไม่เที่ยง ตระหนักชัดว่าไม่เที่ยงในจักษุ น้อมไปด้วยใจ หยั่งลงด้วยปัญญา ติดต่อ
สม่ำเสมอไม่ขาดสายเธอกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ
อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ นี้บุคคลที่ ๑ เป็นผู้ควรของ
คำนับ ... เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง มีความสำคัญว่าไม่เที่ยง
ตระหนักชัดว่าไม่เที่ยงในจักษุ น้อมไปด้วยใจ หยั่งลงด้วยปัญญา ติดต่อสม่ำเสมอไม่ขาดสาย
บุคคลนั้นมีการสิ้นอาสวะและการสิ้นชีวิตไม่ก่อนไม่หลังกัน นี้เป็นบุคคลที่ ๒ เป็นผู้ควรของ
คำนับ ...
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง ...ติดต่อสม่ำเสมอ
ไม่ขาดสาย บุคคลนั้นเป็นอันตราปรินิพพายี เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ นี้เป็นบุคคลที่ ๓
เป็นผู้ควรของคำนับ ... ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง ...ติดต่อสม่ำเสมอ
ไม่ขาดสาย บุคคลนั้นเป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ นี้เป็นบุคคลที่ ๔
เป็นผู้ควรของคำนับ ... ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง ...ติดต่อสม่ำเสมอ
ไม่ขาดสาย บุคคลนั้นเป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ นี้เป็นบุคคลที่ ๕
เป็นผู้ควรของคำนับ ... ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง ...ติดต่อสม่ำเสมอ
ไม่ขาดสาย บุคคลนั้นเป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ นี้เป็นบุคคลที่ ๖
เป็นผู้ควรของคำนับ ... ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง ...ติดต่อสม่ำเสมอ
ไม่ขาดสาย บุคคลนั้นเป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ นี้เป็น
บุคคลที่ ๗ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคล ๗ จำพวกนี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ
เป็นผู้ควรทำอัญชลีเป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ