พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/120/139 140
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
พระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับ ผลข้อนี้ คือ
ย่อมเป็นผู้ได้ของที่ควรเคี้ยวและของที่ควรบริโภคอันประณีตและมี รสอร่อย และได้น้ำที่ควรซด
ควรดื่ม ถ้าพระมหาบุรุษนั้น ออกจากเรือนทรงผนวช เป็นบรรพชิต จะเป็นพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร
เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ ทรงได้ของที่ควรเคี้ยว และของที่ควรบริโภคอัน
ประณีต และมีรสอร่อย และทรงได้น้ำที่ควรซดควรดื่ม พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
พระโบราณกเถระทั้งหลาย จึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะนั้นว่า
[๑๓๙] พระมหาบุรุษอุดม เป็นผู้ให้ของที่ควรเคี้ยว และของที่ควร บริโภค และ
น้ำที่ควรซดควรดื่ม มีรสอันเลิศ เพราะกรรมที่ทรงประพฤติดีแล้วนั้น
พระมหาบุรุษนั้น จึงบันเทิงใจอยู่นานในสวนนันทวัน มาในโลกนี้
ย่อมได้มังสะอูมเจ็ดแห่ง และได้พื้นพระหัตถ์และพระบาทอ่อนนุ่ม
บัณฑิตผู้ฉลาดในนิมิตแห่งลักษณะ กล่าวไว้เพื่อความเป็นผู้ได้ของควร
เคี้ยวและโภชนะอันมีรส ลักษณะนั้น ใช่ว่าจะส่องอรรถ แม้แก่
พระมหาบุรุษผู้เป็นคฤหัสถ์เท่านั้น ถึงพระมหาบุรุษทรงผนวช ก็ได้
ขัชชโภชนาทิวัตถุนั้นเหมือนกัน พระองค์เป็นผู้ได้ของควรเคี้ยวและ
โภชนะมีรสอันอุดม บัณฑิตทั้งหลายกล่าวแล้วว่าพระองค์เป็นผู้ตัด
กิเลสเป็นเครื่องผูกของคฤหัสถ์ทั้งปวงเสีย ฯ
[๑๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน
เป็นผู้สงเคราะห์ประชาชนด้วยสังคหวัตถุ ๔ คือ การให้ การกล่าว คำเป็นที่รัก การประพฤติ
ให้เป็นประโยชน์ และความเป็นผู้มีตนเสมอ ตถาคต ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เบื้องหน้าแต่ตาย
เพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อัน ตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจาก
โลกสวรรค์นั้นแล้วมาสู่ความ เป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ทั้ง ๒ นี้ คือ
พระหัตถ์และ พระบาทมีพื้นอ่อนนุ่ม ๑ และมีพระหัตถ์และพระบาทมีลายดังว่าร่างข่าย ๑ พระมหา
บุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้ง ๒ นั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯลฯ เมื่อเป็น
พระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริวารชนอันพระองค์ทรง
สงเคราะห์แล้วเป็นอย่างดี บริวารชนที่พระองค์ทรง สงเคราะห์เป็นอย่างดีนั้น เป็นพราหมณ์