พระสุตตันตปิฎกไทย: 4/120/102

วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑
เล่ม 4
หน้า 120
พอใจในการรบ พากันไปทำบาปกรรม และประสพกรรมมิใช่บุญมาก ด้วยวิธีอย่างไรหนอ พวกเราพึงงดเว้นจากบาปกรรม แลทำแต่ความดี ดังนี้ และได้มีความปริวิตกต่อไปว่า พระสมณะ เชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้แล เป็นผู้ประพฤติธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติพรหมจรรย์ กล่าวแต่คำสัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม ถ้าแลพวกเราจะพึงบวชในสำนักพระสมณะเชื้อสาย พระศากยบุตร ด้วยวิธีอย่างนี้ พวกเราก็จะพึงเว้นจากบาปกรรม และทำแต่ความดี ดังนี้ จึงพากันเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา. ภิกษุทั้งหลายให้พวกเขาบรรพชาอุปสมบทแล้ว. พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกองถามพวกราชภัฏว่า แน่ะพนาย ทหารผู้มีชื่อนี้ และมีชื่อนี้ หายไปไหน? พวกราชภัฏเรียนว่า นาย ทหารผู้มีชื่อนี้และมีชื่อนี้ บวชในสำนักภิกษุแล้ว ขอรับนาย. พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนเหล่า- พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ให้ราชภัฏบวชเล่า แล้วกราบบังคมทูลความเรื่องนั้น แด่พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช. จึงท้าวเธอได้ตรัสถามมหาอำมาตย์ผู้พิพากษาว่า ดูกรพนาย ภิกษุรูปใดให้ราชภัฏบวช ภิกษุรูปนั้นจะต้องโทษสถานไร? คณะมหาอำมาตย์ผู้พิพากษากราบทูลว่า ขอเดชะ พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม พระอุปัชฌายะต้องถูกตัดศีรษะ พระอนุสาวนาจารย์ต้องถูกดึงลิ้นออกมา พระคณะปูรกะต้องถูก หักซี่โครงแถบหนึ่ง พระพุทธเจ้าข้า จึงท้าวเธอเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้นถึงแล้วจึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วประทับ นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลขอประทานพรต่อพระผู้มีพระภาคว่า มีอยู่ พระพุทธเจ้า ข้า พระเจ้าแผ่นดินทั้งหลาย ที่ไม่มีศรัทธา ไม่ทรงเลื่อมใสจะพึงเบียดเบียนภิกษุทั้งหลาย แม้ ด้วยกรณีเพียงเล็กน้อย หม่อมฉันขอประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้เป็นเจ้า ทั้งหลายไม่พึงให้ราชภัฏบวช. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนา- มาคธราชทรงเห็นแจ้ง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงร่าเริงด้วยธรรมีกถา. ครั้นท้าวเธออัน พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจง ให้ทรงเห็นแจ้ง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้ว เสด็จลุกจากพระที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทรงทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับ.