พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/121/141 142

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 121
เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็น อำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าพระมหา บุรุษนั้น ออกจากเรือนทรงผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคา คือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผล ข้อนี้ คือ มีบริวารชนอันพระองค์ทรงสงเคราะห์แล้วเป็นอย่างดี บริวารชนที่พระองค์ทรง สงเคราะห์เป็นอย่างดีนั้น เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็น อุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคน ธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณ กเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถา ประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า
[๑๔๑] พระมหาบุรุษ ทำแล้ว ประพฤติแล้ว ซึ่งการให้ ๑ ซึ่งความเป็นผู้ ประพฤติให้เป็นประโยชน์ ๑ ซึ่งความเป็นผู้กล่าวคำเป็นที่รัก ๑ ซึ่ง ความเป็นผู้มีพระฉันทะเสมอกัน ๑ ให้เป็นความสงเคราะห์อย่างดีแก่ชน เป็นอันมาก ย่อมไปสู่สวรรค์ด้วยคุณอันตนมิได้ดูหมิ่น จุติ
[จาก สวรรค์] แล้วเวียนมาในโลกนี้ เป็นพระกุมารยังหนุ่มแน่นงดงาม ย่อมได้เฉพาะซึ่งความเป็นผู้มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่มด้วย ซึ่งความเป็นผู้มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายเป็นร่างข่ายงามยิ่ง และ มีส่วนสวยน่าชมด้วย พระองค์มาสู่แผ่นดินนี้ มีบริวารชนอันพระองค์ พึงตรวจตราและสงเคราะห์ดี ตรัสถ้อยคำเป็นที่น่ารักแสวงหาผล ประโยชน์เกื้อกูลและความสุขให้ ทรงประพฤติความดีมากหลายที่ พระองค์โปรดยิ่ง ถ้าพระองค์ทรงละความบริโภคกามารมณ์ทั้งปวงเป็น พระชินะตรัสธรรมกถาแก่ประชุมชน ประชุมชนก็จะสนองคำของ พระองค์ เลื่อมใสยิ่งนัก ครั้งฟังธรรมแล้ว ย่อมจะพากันประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม ฯ
[๑๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน เป็นผู้กล่าววาจาประกอบด้วยอรรถ ประกอบด้วยธรรม แนะนำประชาชนเป็นอันมาก เป็นผู้นำ ประโยชน์และความสุขมาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้บูชาธรรมเป็นปรกติ ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติ