พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/121/74
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม๑๐ ประการเป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการ
นี้แล ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนาน่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก คือ ความไม่เกียจคร้าน
ความขยันหมั่นเพียร เป็นอาหารของโภคสมบัติ การประดับ การตกแต่งร่างกาย เป็นอาหาร
ของวรรณะ การกระทำสิ่งเป็นที่สบาย เป็นอาหารของความไม่มีโรค ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นอาหาร
ของศีลทั้งหลาย การสำรวมอินทรีย์ เป็นอาหารของพรหมจรรย์ การไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจาก
ความจริง เป็นอาหารของมิตรทั้งหลายการกระทำการสาธยาย เป็นอาหารของความเป็นพหูสูต
การฟังด้วยดี การสอบถาม เป็นอาหารของปัญญา การประกอบความเพียร การพิจารณา
เป็นอาหารของธรรมทั้งหลาย การปฏิบัติชอบ เป็นอาหารของสัตว์ทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แล ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ฯ
จบสูตรที่ ๓
วัฑฒิสูตร
[๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกเมื่อเจริญด้วยความเจริญ ๑๐ประการ ย่อมเจริญ
ด้วยความเจริญอันประเสริฐ และเป็นผู้ถือเอาสิ่งที่เป็นสาระสิ่งที่ประเสริฐแห่งกาย ความ
เจริญ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ อริยสาวกย่อมเจริญด้วยนาและสวน ๑ ย่อมเจริญด้วยทรัพย์และ
ข้าวเปลือก ๑ ย่อมเจริญด้วยบุตรและภรรยา ๑ ย่อมเจริญด้วยทาส กรรมกร และคนใช้ ๑ ย่อม
เจริญด้วยสัตว์สี่เท้า ๑ ย่อมเจริญด้วยศรัทธา ๑ ย่อมเจริญด้วยศีล ๑ ย่อมเจริญด้วยสุตะ ๑
ย่อมเจริญด้วยจาคะ ๑ ย่อมเจริญด้วยปัญญา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายอริยสาวกเมื่อเจริญด้วยความ
เจริญ ๑๐ ประการนี้ ย่อมเจริญด้วยความเจริญอันประเสริฐ และเป็นผู้ถือเอาสิ่งที่เป็นสาระ สิ่ง
ที่ประเสริฐแห่งกาย ฯ
บุคคลใดในโลกนี้ ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ ข้าวเปลือก บุตร
ภรรยา และสัตว์สี่เท้า บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้มีโชค มียศ
เป็นผู้อันญาติมิตร และพระราชาบูชาแล้ว บุคคลใดในโลก