พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/122/143 144

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 122
โลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ จุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริส ลักษณะ๒ ประการนี้ คือมีพระบาทดุจสังข์คว่ำ ๑ มีพระโลมชาติล้วนมีปลายช้อนขึ้นข้างบน ทุกๆ เส้น ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้ง ๒ นั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้า จักรพรรดิ์ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็น ผู้เลิศประเสริฐ เป็นประธานสูงสุด ดีกว่าหมู่ชนที่บริโภคกาม ถ้าพระมหาบุรุษออกจากเรือน ผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้ว ในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าได้รับผลข้อนี้ คือ เป็น ผู้เลิศประเสริฐ เป็นประธานสูงสุด ดีกว่าสรรพสัตว์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า
[๑๔๓] พระมหาบุรุษ พิจารณาก่อน จึงกล่าวคำอันประกอบด้วยอรรถและธรรม แสดงแล้วกะประชาชนเป็นอันมาก เป็นผู้นำประโยชน์และความสุข มาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้ไม่ตระหนี่ได้เสียสละบูชาธรรมแล้ว พระองค์ย่อมไปสู่สุคติ บันเทิงอยู่ในสุคตินั้น เพราะกรรมอันพระองค์ ประพฤติดีแล้ว มาในโลกนี้ ย่อมได้ลักษณะ ๒ ประการ เพื่อ ความเป็นผู้มีความสุขอันอุดม พระมหาบุรุษนั่นนั้น มีพระโลมชาติ มีปลายช้อนขึ้นข้างบนและมีพระบาทดำรงอยู่แล้วเป็นอันดี อันพระ มังสะและโลหิตปิดบัง อันหนังหุ้มห่อแล้ว และมีพระเพลาเบื้องบน งาม พระมหาบุรุษเช่นนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะถึงความเป็นผู้เลิศกว่า พวกที่บริโภคกาม ไม่มีใครๆ ยิ่งกว่าพระองค์ทรงครอบงำชมพูทวีป เสียสิ้น อนึ่ง หากพระองค์ทรงผนวช ก็จะทรงพระวิริยะอย่าง ประเสริฐ ถึงความเป็นผู้เลิศกว่าสรรพสัตว์ ไม่มีใครๆ ยิ่งกว่า พระองค์ ได้ ทรงครอบงำโลกทั้งปวงอยู่ ฯ
[๑๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน เป็นผู้ตั้งใจสอนศีลปะ วิชชา จรณะ
[ข้อที่ควรประพฤติ] หรือกรรม
[ปัญญาเป็นเครื่องรู้ ว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน] ด้วยมนสิการว่า ทำไฉนชนทั้งหลายนี้พึงรู้เร็ว พึงสำเร็จเร็ว ไม่พึง ลำบากนาน ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะ กรรมนั้น อันตนทำ สั่งสมพอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่