พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/122/132
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๓ เดือน ตถาคตจักปรินิพพาน ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคมีพระสติสัมปชัญญะทรงปลงอายุ
สังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงปลงอายุสังขารแล้ว แผ่นดินใหญ่หวั่นไหว
น่าพึงกลัว โลมชาติชูชัน และกลองทิพย์ก็บันลือลั่น ฯ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้วได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลา
นั้นว่า
มุนีได้ปลงเครื่องปรุงแต่งภพอันเป็นเหตุสมภพทั้งที่ชั่งได้และชั่งไม่ได้
ยินดีแล้วในภายใน มีจิตตั้งมั่น ได้ทำลายกิเลสที่เกิดในตนเหมือนทหาร
ทำลายเกราะ ฉะนั้น ฯ
จบสูตรที่ ๑
๒. ปฏิสัลลานสูตร
[๑๓๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปุพพารามปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา
ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ในเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้น ประทับ
นั่งอยู่ภายนอกซุ้มประตู ลำดับนั้นแลพระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ก็สมัยนั้น
ชฎิล ๗คน นิครนถ์ ๗ คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗ คน และปริพาชก ๗ คนมีขน
รักแร้และเล็บงอกยาว หาบบริขารหลายอย่าง เดินผ่านไปในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค พระเจ้า
ปเสนทิโกศลได้ทอดพระเนตรเห็นชฎิล ๗ คน นิครนถ์ ๗คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗
คน และปริพาชก ๗ คนเหล่านั้น ผู้มีขนรักแร้และเล็บงอกยาว หาบบริขารหลายอย่าง
เดินผ่านไปในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค ครั้นแล้วทรงลุกจากอาสนะ ทรงกระทำผ้าห่มเฉวียงบ่า
ข้างหนึ่งแล้วทรงคุกพระชานุมณฑลเบื้องขวาลงที่แผ่นดิน ทรงประนมอัญชลีไปทางที่ชฎิล ๗คน
นิครนถ์ ๗ คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗ คน และปริพาชก ๗ คนแล้วทรงประกาศ
พระนาม ๓ ครั้งว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้าคือ พระเจ้าปเสนทิโกศล ข้าแต่ท่าน