พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/124/122
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภัยคือจรเข้เป็นไฉน กุลบุตรบางคนในโลกนี้ ออกบวชเป็น
บรรพชิตด้วยศรัทธา ด้วยคิดว่า เราถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
ครอบงำ ชื่อว่าตกอยู่ในกองทุกข์ มีทุกข์เป็นเบื้องหน้า แม้ไฉน การกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์
ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏเธอบวชอย่างนั้นแล้ว เพื่อนสพรหมจารีตักเตือนสั่งสอนว่า สิ่งนี้เธอควร
เคี้ยวสิ่งนี้ไม่ควรเคี้ยว สิ่งนี้ควรบริโภค สิ่งนี้ไม่ควรบริโภค สิ่งนี้ควรลิ้ม สิ่งนี้ไม่ควรลิ้ม สิ่งนี้
ควรดื่ม สิ่งนี้ไม่ควรดื่ม ของเป็นกัปปิยะเธอควรเคี้ยว ของเป็นอกัปปิยะเธอไม่ควรเคี้ยว ของเป็น
กัปปิยะเธอควรบริโภค ของเป็นอกัปปิยะเธอไม่ควรบริโภค ของเป็นกัปปิยะเธอควรลิ้ม ของเป็น
อกัปปิยะเธอไม่ควรลิ้มของเป็นกัปปิยะเธอควรดื่ม ของเป็นอกัปปิยะเธอไม่ควรดื่ม เธอควรเคี้ยวใน
กาลเธอไม่ควรเคี้ยวในวิกาล เธอควรบริโภคในกาล เธอไม่ควรบริโภคในวิกาล เธอควรลิ้มในกาล
เธอไม่ควรลิ้มในวิกาล เธอควรดื่มในกาล เธอไม่ควรดื่มในวิกาลเธอย่อมคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรา
เป็นคฤหัสถ์ ปรารถนาสิ่งใดก็เคี้ยวสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดก็ไม่เคี้ยวสิ่งนั้น ปรารถนาสิ่งใดก็
บริโภคสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดก็ไม่บริโภคสิ่งนั้น ปรารถนาสิ่งใดก็ลิ้มสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใด
ก็ไม่ลิ้มสิ่งนั้น ปรารถนาสิ่งใดก็ดื่มสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ดื่มสิ่งนั้น ย่อมเคี้ยวสิ่งที่เป็น
กัปปิยะบ้าง สิ่งที่เป็นอกัปปิยะบ้าง ย่อมบริโภคสิ่งที่เป็นกัปปิยะบ้างสิ่งที่ไม่เป็นอกัปปิยะบ้าง ย่อม
ลิ้มสิ่งที่เป็นกัปปิยะบ้าง สิ่งที่เป็นอกัปปิยะบ้างย่อมดื่มสิ่งที่เป็นกัปปิยะบ้าง สิ่งที่เป็นอกัปปิยะบ้าง
ย่อมเคี้ยวในกาลบ้าง ในวิกาลบ้าง ย่อมบริโภคในกาลบ้าง ในวิกาลบ้าง ย่อมลิ้มในกาลบ้าง ใน
วิกาลบ้างย่อมดื่มในกาลบ้าง ในวิกาลบ้าง คฤหบดีผู้มีศรัทธาย่อมถวายของควรเคี้ยว หรือของควร
บริโภคแม้ใด อันประณีต ในกลางวัน ในเวลาวิกาลแก่เราทั้งหลายภิกษุเหล่านี้ ย่อมกระทำเสมือน
หนึ่งปิดปากแม้ในของเหล่านั้น เธอโกรธเคืองแค้นใจ บอกคืนสิกขาลาเพศ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
คำว่าภัยคือจรเข้นี้แล เป็นชื่อแห่งความเป็นผู้เห็นแก่ท้อง นี้เรียกว่าภัยคือจรเข้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภัยคือน้ำวนเป็นไฉน กุลบุตรบางคนในโลกนี้ออกบวชเป็น
บรรพชิตด้วยศรัทธา ด้วยคิดว่า เราถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
ครอบงำ ชื่อว่าตกอยู่ในกองทุกข์ มีทุกข์เป็นเบื้องหน้า แม้ไฉน การกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้ง
มวลนี้ จะพึงปรากฏเธอบวชแล้วอย่างนี้ เวลาเช้านุ่งแล้วถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังบ้าน
หรือนิคม ไม่รักษากาย วาจา ใจ ไม่ตั้งสติ ไม่สำรวมอินทรีย์ เธอเห็นคฤหบดีในบ้านหรือนิคมนั้น
เพรียบพร้อมบำเรอตนอยู่ด้วยกามคุณ ๕ เธอคิดอย่างนี้ว่าเมื่อก่อนเราเป็นคฤหัสถ์เพรียบพร้อม บำเรอ
ตนอยู่ด้วยกามคุณ ๕ ก็โภคสมบัติในสกุลของเรามีพร้อม เราอาจเพื่อจะบริโภคโภคะทั้งหลายและ