พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/124/135

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 124
ศีล พึงทราบได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน และศีลนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาล นิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทราม ไม่พึงทราบ ความเป็นผู้สะอาด พึงทราบได้ด้วยการปราศรัยและความเป็นผู้สะอาดนั้นแล พึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อยมนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ กำลังใจ พึงทราบได้ในเพราะอันตราย และ กำลังใจนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการ ไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ปัญญาพึงทราบได้ด้วยการสนทนา และปัญญานั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยนิดหน่อยมนสิการพึงทราบได้ ไม่ มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกราชบุรุษปลอมตัวเป็นนักบวชเที่ยวสอดแนมของหม่อมฉันเหล่านี้ ตรวจตราชนบทแล้วกลับมา พวกเขาตรวจตราก่อน หม่อมฉันจักตรวจตราภายหลัง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ พวกเขา ลอยธุลีและมลทินแล้ว อาบดีแล้ว ไล้ทาดีแล้ว ปลงผมและหนวดแล้ว นุ่งผ้าขาวผู้อิ่มเอิบ พรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำเรอตนอยู่ ฯ ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลา นั้นว่า บรรพชิตไม่ควรพยายามในบาปกรรมทั่วไป ไม่ควรเป็นคนใช้ของผู้อื่น ไม่ควรอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่ ไม่ควรแสดงธรรมเพื่อประโยชน์แต่ทรัพย์นั้นๆ ฯ จบสูตรที่ ๒ ๓. อาหุสูตร
[๑๓๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคประทับนั่งทรงพิจารณาอกุศลบาป ธรรมเป็นอันมากที่พระองค์ทรงละได้แล้ว และกุศลธรรมเป็นอันมากที่ถึงความเจริญบริบูรณ์ ฯ ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบอกุศลบาปธรรมเป็นอันมากที่พระองค์ทรงละได้ แล้ว และกุศลธรรมเป็นอันมากที่ถึงความเจริญบริบูรณ์ จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า