พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/125/117 118
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๗. อิสสาสูตร
[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เหมือนถูกนำมา
ไว้ในนรก ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุณีไม่ใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว สรร
เสริญผู้ไม่ควรสรรเสริญ ๑ ไม่ใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว ติเตียนผู้ควรสรรเสริญ ๑
เป็นผู้มีความริษยา ๑ เป็นคนตระหนี่ ๑ทำสัทธาไทยให้ตกไป ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้
ประกอบด้วยธรรม ๕ประการนี้แล เหมือนถูกนำมาไว้ในนรก ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เหมือนถูกเชิญมาไว้ใน
สวรรค์ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุณีใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว สรรเสริญผู้
ที่ควรสรรเสริญ ๑ ใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้วติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ๑ ไม่เป็นผู้ริษยา ๑
ไม่ตระหนี่ ๑ ไม่ทำสัทธาไทยให้ตกไป ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้ประกอบด้วยธรรม ๕
ประการนี้แล เหมือนถูกเชิญมาไว้ในสวรรค์ ฯ
จบสูตรที่ ๗
๘. ทิฏฐิสูตร
[๑๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เหมือนถูกนำมา
ไว้ในนรก ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุณีไม่ใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว
สรรเสริญผู้ไม่ควรสรรเสริญ ๑ ไม่ใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว ติเตียนผู้ควรสรรเสริญ ๑
มีความเห็นผิด ๑ มีความดำริผิด ๑ ทำสัทธาไทยให้ตกไป ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้
ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล เหมือนถูกนำมาไว้ในนรก ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เหมือนถูกเชิญมาไว้ใน
สวรรค์ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุณีใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว ติเตียน
ผู้ควรติเตียน ๑ ใคร่ครวญให้ตระหนักแน่ก่อนแล้ว สรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ ๑ มีความเห็น
ชอบ ๑ มีความดำริชอบ ๑ ไม่ทำสัทธาไทยให้ตกไป ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้ประกอบ
ด้วยธรรม ๕ ประการนี้แลเหมือนถูกเชิญมาไว้ในสวรรค์ ฯ
จบสูตรที่ ๘