พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/129/140
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๖. ตนและโลกอันผู้อื่นสร้างสรร ... ฯ
๗. ตนและโลกอันตนเองสร้างสรรก็มี อันผู้อื่นสร้างสรรก็มี ... ฯ
๘. ตนและโลกเกิดขึ้นลอยๆ ตนเองสร้างสรรก็หามิได้ ผู้อื่นสร้างสรรก็หามิได้ ... ฯ
๙. ตนและโลกยั่งยืน มีทั้งสุขและทุกข์ ... ฯ
๑๐. ตนและโลกไม่ยั่งยืน มีทั้งสุขและทุกข์ ... ฯ
๑๑. ตนและโลกมีทั้งสุขและทุกข์ ยั่งยืนก็มี ไม่ยั่งยืนก็มี ... ฯ
๑๒. ตนและโลกมีทั้งสุขและทุกข์ ยั่งยืนก็หามิได้ ไม่ยั่งยืนก็หามิได้ ... ฯ
๑๓. ตนและโลกมีทั้งสุขและทุกข์ ตนเองสร้าง ... ฯ
๑๔. ตนและโลกมีทั้งสุขและทุกข์ ผู้อื่นสร้างสรร นี้แหละจริง อื่นเปล่า ฯ
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า
๑๕. ตนและโลกมีทั้งสุขและทุกข์ ตนเองสร้างสรรก็มี ผู้อื่นสร้างสรรก็มี นี้แหละ
จริง อื่นเปล่า ฯ
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า
๑๖. ตนและโลกมีทั้งสุขและทุกข์ เกิดขึ้นลอยๆ ตนเองสร้างสรรก็หามิได้ ผู้อื่น
สร้างสรรก็หามิได้ นี้แหละจริง อื่นเปล่า ฯ
สมณพราหมณ์เหล่านั้นบาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิวาทกัน ทิ่มแทงกันและกันด้วย
หอกคือปากว่า ธรรมเป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมเป็นเช่นนี้ ฯ
[๑๔๐] ครั้งนั้นแล เวลาเช้า ภิกษุมากด้วยกัน นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑ
บาตยังพระนครสาวัตถี ครั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส สมณะ พราหมณ์
ปริพาชกมากด้วยกัน ผู้มีลัทธิต่างๆ กัน มีทิฐิต่างกัน มีความพอใจต่างกัน อาศัยทิฐินิสัย
ต่างกัน อาศัยอยู่ในพระนครสาวัตถี สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีวาทะอย่างนี้มีทิฐิอย่างนี้ว่า
ตนและโลกเที่ยง นี้แหละจริง อื่นเปล่า ฯลฯ ธรรมเป็นเช่นนี้ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็น
เช่นนี้ ธรรมเป็นเช่นนี้ พระเจ้าข้า ฯ