พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/130/77
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
เป็นผู้ว่ายาก ๑ ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลละธรรม ๓ ประการนี้แล้ว
จึงอาจละความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ความเป็นผู้ไม่รู้ความประสงค์ ความเกียจคร้านได้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย บุคคลละธรรม ๓ ประการแล้ว จึงอาจละความเป็นผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ความเป็นผู้ว่ายาก
ความเป็นผู้มีมิตรชั่วได้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ไม่มีความละอาย ๑ ความเป็นผู้
ไม่มีความเกรงกลัว ๑ ความประมาท ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลละธรรม ๓ ประการนี้แล้ว
จึงอาจละความเป็นผู้ไม่เอื้อเฟื้อความเป็นผู้ว่ายาก ความเป็นผู้มีมิตรชั่วได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลผู้มีความละอาย มีความเกรงกลัว ไม่ประมาทอยู่ ก็อาจละความเป็นผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ความ
เป็นผู้ว่ายาก ความเป็นผู้มีมิตรชั่วได้ บุคคลเป็นผู้มีมิตรดี ก็อาจละความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ความ
เป็นผู้ไม่รู้ความประสงค์ ความเกียจคร้านได้ บุคคลเป็นผู้ปรารภความเพียร ก็อาจละความเป็น
ผู้ฟุ้งซ่าน ความไม่สำรวม ความเป็นผู้ทุศีลได้ บุคคลเป็นผู้มีศีล ก็อาจละความเป็นผู้ไม่ใคร่เห็น
พระอริยะ ความเป็นผู้ไม่ใคร่ฟังธรรมของพระอริยะ ความเป็นผู้มีจิตคิดแข่งดีได้ บุคคลเป็นผู้
มีจิตไม่คิดแข่งดี ก็อาจละความเป็นผู้มีสติหลงลืม ความไม่มีสัมปชัญญะ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต
ได้ บุคคลเป็นผู้มีจิตอันไม่ฟุ้งซ่าน ก็อาจละการกระทำไว้ในใจโดยอุบายอันไม่แยบคาย การเสพ
ทางผิด ความหดหู่แห่งจิตได้ บุคคลเป็นผู้มีจิตไม่หดหู่ก็อาจละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพต
ปรามาสได้ บุคคลเป็นผู้ไม่มีวิจิกิจฉาก็อาจละราคะ โทสะ โมหะได้ บุคคลละราคะ โทสะ
โมหะแล้ว ก็อาจละชาติชรา มรณะได้ ฯ
จบสูตรที่ ๖
กากสูตร
[๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ๑๐ ประการเป็นไฉน
คือ เป็นผู้มักขจัด ๑ คนอง ๑ ทะเยอทะยาน ๑ กินจุ ๑หยาบช้า ๑ ไม่มีกรุณา ๑ ไม่
แข็งแรง ๑ มักร้อง ๑ เผลอสติ ๑ สั่งสม ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาประกอบด้วยอสัทธรรม
๑๐ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้ลามกก็ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ ฉันนั้น