พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/132/162 163
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
ผู้มีพระเศียรดุจดังว่าประดับด้วยอุณหีส พวกผู้รู้ที่ทรงจำลักษณะเป็น
นิมิตอันปรากฏอยู่ทำนายว่า พระราชกุมารนี้ จักเป็นหัวหน้าแห่งพหุชน
หมู่ชนที่ช่วยเหลือของพระองค์ในหมู่มนุษย์ในโลกนี้ จักมีมาก แม้ใน
เบื้องต้น
[คราวที่พระองค์ทรงพระเยาว์] ครั้งนั้น พวกพราหมณ์
ก็พยากรณ์แก่พระองค์ว่า พระราชกุมารนี้ ถ้าเป็นกษัตริย์จะเป็นใหญ่ใน
แผ่นดิน จะได้ความช่วยเหลือในชนมากโดยแท้ ถ้าพระองค์จะทรง
ผนวช จะปราชญ์เปรื่อง มีความชำนาญวิเศษในธรรมทั้งหลาย และ
ชนเป็นอันมาก จะเป็นผู้ยินดียิ่งในคุณคือความสั่งสอนของพระองค์
และจะคล้อยตาม ฯ
[๑๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน
ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน
ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่
ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ มีโลมชาติขุมละ
เส้นๆ ๑ และมีอุณาโลมในระหว่างคิ้วมีสีขาวอ่อนเหมือนปุยฝ้าย ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์
ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชา
จะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็น
พราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร
เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าพระมหาบุรุษ
นั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลส
อันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ
เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสกเป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา
เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณ
กเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า
[๑๖๓] ในชาติก่อนๆ พระมหาบุรุษมีปฏิญญาเป็นสัจจะ มีพระวาจาไม่เป็นสอง
เว้นคำเหลวไหล ไม่พูดให้เคลื่อนคลาดต่อใครๆตรัสโดยคำจริง
คำแท้ คำคงที่ มีพระอุณาโลมสีขาวสะอาดอ่อนดีดังปุยฝ้าย เกิดดีใน