พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/132/73 74
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
นาคสมาลวรรคที่ ๘
นาคสมาลเถราปทานที่ ๑ (๗๑)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาสถูปด้วยดอกแคฝอย
[๗๓] เราถือเอาดอกแคฝอยไปบูชาที่พระสถูป ซึ่งมหาชนสร้างไว้ที่หนทางใหญ่
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขีผู้เผ่าพันธุ์ของโลก ในกัลปที่ ๓๑ แต่
กัลปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป ในกัลปที่ ๑๕ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้า
จักรพรรดิจอมกษัตริย์ พระนามว่าปุปผิยะทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ
มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖
เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเรา ได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระนาคสมาลเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ นาคสมาลเถราปทาน.
ปทสัญญกเถราปทานที่ ๒ (๗๒)
ว่าด้วยผลแห่งการเลื่อมใสรอยพระบาท
[๗๔] ก็เราได้เห็นรอยพระบาทที่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ ผู้เป็นเผ่าพันธุ์
พระอาทิตย์ ทรงเหยียบไว้ เป็นผู้มีใจร่าเริงโสมนัส ยังจิตให้เลื่อมใสใน
รอยพระบาท ในกัลปที่ ๙๒ แต่กัลปนี้ เราได้สัญญาใดในกาลนั้น
ด้วยสัญญานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งสัญญาในรอยพระบาท
ในกัลปที่ ๗ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์พระนามว่า
สุเมธ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ
ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระ
พุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปทสัญญกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ปทสัญญกเถราปทาน.