พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/133/164

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 133
ระหว่างพระโขนงและในขุมพระโลมาทั่วไป ไม่มีโลมชาติเกิดเป็น สองเส้น มีพระสรีระอันโลมชาติเส้นหนึ่งๆ ขึ้นสะพรั่ง พวกผู้รู้ ลักษณะ ฉลาดในลักษณะเป็นนิมิตที่ปรากฏ เป็นจำนวนมากมา ประชุมกัน แล้วทำนายพระมหาบุรุษว่า พระอุณาโลมตั้งอยู่ดี โดยนิมิต บ่งว่าพหุชนย่อมประพฤติตาม พระมหาบุรุษแม้ดำรงอยู่ในคิหิวิสัย มหาชนก็ประพฤติตาม เพราะกรรมที่ทรงทำดีมากในชาติก่อน หมู่ชน ย่อมประพฤติตามพระมหาบุรุษผู้ตัดกังวลทรงผนวชเป็นพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐ ฯ
[๑๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้ แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน สมานคน ที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อม เพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดี ในคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน ตถาคต ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้นอัน ตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้ เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ ๑ มีพระทนต์ไม่ห่าง ๑ พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้นถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไรเมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริษัทไม่แตกกัน บริษัทของพระองค์ที่ไม่แตกกัน เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ถ้าออกจากเรือนผนวช เป็นบรรพชิต จะได้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้ อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ มีบริษัทไม่แตก บริษัทของพระองค์ที่ไม่แตกกัน เป็น ภิกษุ เป็นภิกษุณีเป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระ ลักษณะเหล่านั้นว่า