พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/138/82

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 138
พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ทรงสมควรรับเครื่อง บูชา ประทับยืนอยู่ที่ถนนนั่นเอง ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า มาณพใด ได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกบัวแดง เราจักพยากรณ์มาณพนั้น ท่าน ทั้งหลายจงฟังเรากล่าว มาณพนั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓ หมื่น กัลป และจักได้เป็นจอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ ๓๐ ครั้ง จักมี วิมานชื่อมหาวิตถาริกะในเทวโลกนั้นสูง ๓๐๐ โยชน์ กว้าง ๑๕๐ โยชน์ พวงดอกไม้ ๑๔๐,๐๐๐ พวงที่เทวดานิรมิตอย่างสวยงามห้อยอยู่ที่ปราสาท อันประเสริฐ และประดับที่นอนใหญ่ นางอัปสรแสนโกฏิ มีรูปอุดม ฉลาดในการฟ้อน การขับรำและการประโคม จักแวดล้อมอยู่โดยรอบ ในกาลนั้น ฝนดอกไม้ทิพย์มีสีแดง จักตกลงในวิมานประเสริฐ อัน เกลื่อนกล่นด้วยหมู่เทพนารีเช่นนี้ แก้วปทุมราคะโตประมาณเท่าจักร จัก ห้อยอยู่ที่ตะปูฝาที่ไม้ฟันนาค ที่บานประตู และที่เสาระเนียด ที่วิมานนั้น นางเทพอัปสรทั้งหลายจักลาด จักห่มด้วยใบบัว นอนอยู่ภายในวิมานอัน ประเสริฐซึ่งดาดาษด้วยใบบัว ดอกบัวแดงล้วนเหล่านั้น แวดล้อมภพ ส่งกลิ่นหอมตลบไปประมาณร้อยโยชน์โดยรอบ มาณพนี้จักได้เป็นพระเจ้า จักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับ มิได้ ได้เสวยสมบัติทั้ง ๒ แล้ว หากังวลมิได้ ไม่มีอันตราย เมื่อกาล เป็นที่สุดมาถึงแล้ว จักได้บรรลุนิพพาน พระพุทธเจ้าเราได้เห็นดีแล้ว หนอ การค้าเราประกอบแล้ว เราบูชา (พระพุทธเจ้าด้วย) ดอกบัว ๓ ดอกแล้ว ได้เสวยสมบัติ ๓ ดอกบัวแดงอันบานงาม จักทรงไว้บน กระหม่อมของเราผู้บรรลุธรรม พ้นวิเศษแล้วโดยประการทั้งปวงในวันนี้ เมื่อพระปทุมุตรบรมศาสดาตรัสกรรมของเราอยู่ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ หลายแสน ในกัลปที่หนึ่งแสนแต่กัลปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง (การบูชาด้วย)