พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/141/86
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ไม่เจริญถึงความพินาศ ถึงความไม่เจริญและความพินาศ พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต
ผู้ได้ฌาน ผู้ฉลาดในสมาบัติ ผู้ฉลาดในจิตของผู้อื่น ผู้ฉลาดในการกำหนดรู้จิตของผู้อื่น กำหนด
ใจด้วยใจแล้ว กระทำไว้ในใจซึ่งภิกษุนั้นอย่างนี้ว่าเพราะเหตุอะไรหนอ ท่านผู้นี้จึงพยากรณ์
อรหัตผลว่า เราย่อมรู้ชัดว่า สิ้นชาติแล้ว ...กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระตถาคต
หรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ... กำหนดใจด้วยใจแล้ว ย่อมรู้ภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้มี
ความสำคัญผิดสำคัญผิดโดยสัตย์จริง มีความสำคัญในสิ่งที่ยังไม่ถึงว่าได้ถึง มีความสำคัญใน
สิ่งที่ไม่ได้กระทำว่ากระทำ มีความสำคัญในสิ่งที่ยังไม่ได้บรรลุว่าบรรลุ จึงพยากรณ์อรหัตผล
ด้วยความสำคัญผิดว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว ... กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระ
ตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ... กำหนดใจด้วยใจแล้ว ย่อมทำไว้ในใจซึ่งภิกษุนั้น
อย่างนี้ว่า เพราะอาศัยอะไรหนอท่านผู้นี้จึงมีความสำคัญผิด ... พยากรณ์อรหัตผลด้วยความสำคัญ
ผิดว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว ... กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวก
ของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ... กำหนดใจด้วยใจแล้ว ย่อมรู้ภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้มีสุตะมาก
ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้นงามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้ง
อรรถทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง เพราะฉะนั้น ท่านผู้นี้จึงมีความสำคัญผิด ... จึงพยากรณ์
อรหัตผลด้วยความสำคัญผิดว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว ... กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ... กำหนดใจด้วยใจแล้ว ย่อมรู้ภิกษุนั้นอย่าง
นี้ว่า ท่านผู้นี้มีอภิชฌามาก มีใจอันอภิชฌากลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุมแห่งอภิชฌานี้
เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้พยาบาท มีใจอันพยาบาท
กลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุมแห่งพยาบาทนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคต
ประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีถีนมิทธะ มีใจอันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมากก็ความกลุ้มรุม
แห่งถีนมิทธะนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีจิตฟุ้งซ่าน
มีใจอันความฟุ้งซ่านกลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุมแห่งความฟุ้งซ่านนี้ เป็นความเสื่อม
ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีความสงสัย มีใจอันความสงสัยกลุ้มรุม
อยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุมแห่งความสงสัยนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคต