พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/144/178
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
[๑๗๘] ดูกรอานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงพระดำริว่า ถ้ากระไร เราพึงให้
สร้างสวนตาลแล้วด้วยทองล้วนไว้ที่ประตูเรือนยอดหลังใหญ่ สำหรับเรา จักได้นั่งพักกลางวัน
ดูกรอานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะรับสั่งให้สร้างสวนตาล แล้วด้วยทองล้วนไว้ที่ประตูยอดเรือน
หลังใหญ่ สำหรับทรงนั่งพักกลางวัน ดูกร อานนท์ ธรรมปราสาทแวดล้อมด้วยเวที ๒ ชั้น
เวทีชั้นหนึ่งแล้วด้วยทอง ชั้น หนึ่งแล้วด้วยเงิน เวทีแล้วด้วยทอง มีเสาแล้วด้วยทอง ขั้นและ
กรอบแล้วด้วย เงิน เวทีแล้วด้วยเงิน มีเสาแล้วด้วยเงิน ขั้นและกรอบแล้วด้วยทอง ดูกร
อานนท์ ธรรมปราสาทแวดล้อมด้วยข่ายแห่งกระดึงสองชั้น ข่ายชั้นหนึ่งแล้วด้วยทอง ชั้นหนึ่ง
แล้วด้วยเงิน ข่ายที่แล้วด้วยทอง มีกระดึงแล้วด้วยเงิน ข่ายที่ แล้วด้วยเงิน มีกระดึงแล้วด้วย
ทอง ดูกรอานนท์ ข่ายแห่งกระดึงเหล่านั้นต้อง ลมพัดแล้ว มีเสียงไพเราะ ยวนใจ ชวนให้ฟัง
และให้เคลิบเคลิ้ม ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนดนตรีประกอบด้วยองค์ ๕ ที่บุคคลปรับดีแล้ว
ประโคมดีแล้ว บรรเลงโดยผู้เชี่ยวชาญ เสียงย่อมไพเราะ ยวนใจ ชวนให้ฟัง และให้เคลิบ
เคลิ้ม แม้ฉันใด ดูกรอานนท์ ข่ายแห่งกระดึงเหล่านั้นต้องลมพัดแล้ว ก็ฉันนั้น เหมือนกัน
มีเสียงไพเราะ ยวนใจ ชวนให้ฟัง และให้เคลิบเคลิ้ม ดูกรอานนท์ ในสมัยนั้น กุสาวดี
ราชธานี มีนักเลง นักเล่น และนักดื่ม พวกเขาบำเรอกัน ด้วยเสียงแห่งกระดึงที่ต้องลม
เหล่านั้น ดูกรอานนท์ ธรรมปราสาทที่สำเร็จแล้ว ยากที่จะดู ทำนัยน์ตาให้พร่าพราย ดูกรอานนท์
เปรียบเหมือนในสรทกาล คือ ท้ายเดือนแห่งฤดูฝน เมื่ออากาศแจ่มใสปราศจากเมฆหมอก
พระอาทิตย์ส่อง นภากาศสว่างจ้า ยากที่จะดู ย่อมทำนัยน์ตาให้พร่าพรายฉันใด ธรรมปราสาท
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยากที่จะดู ย่อมทำนัยน์ตาให้พร่าพราย ฯ
ดูกรอานนท์ ลำดับนั้นพระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงพระดำริว่า ถ้ากระไร เราพึงสร้าง
สระชื่อธรรมโบกขรณีไว้เบื้องหน้าธรรมปราสาท ดูกรอานนท์ พระเจ้า มหาสุทัสสนะได้ทรงสร้าง
สระชื่อธรรมโบกขรณีไว้เบื้องหน้าธรรมปราสาท ดูกร อานนท์ ธรรมโบกขรณีโดยยาว ด้านทิศ
บูรพาและทิศปัจจิม ๑ โยชน์ โดยกว้าง ด้านทิศอุดรและทิศทักษิณ กึ่งโยชน์ ธรรมโบกขรณีก่อ
ด้วยอิฐ ๔ ชนิด อิฐชนิด หนึ่งแล้วด้วยทอง ชนิดหนึ่งแล้วด้วยเงิน ชนิดหนึ่งแล้วด้วยแก้ว
ไพฑูรย์ ชนิดหนึ่ง แล้วด้วยแก้วผลึก ฯ