พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/145/162
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้
ในเวลานั้นว่า ความไม่หวั่นไหวย่อมมีแก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฐิอาศัย ย่อมไม่มีแก่ผู้อันตัณหา
และทิฐิไม่อาศัยเมื่อความหวั่นไหวไม่มี ก็ย่อมมีปัสสัทธิ เมื่อมีปัสสัทธิ ก็ย่อมไม่มีความยินดี
เมื่อไม่มีความยินดี ก็ย่อมไม่มีการมาการไป เมื่อไม่มีการมาการไป ก็ไม่มีการจุติและอุปบัติ
เมื่อไม่มีการจุติและอุปบัติ โลกนี้โลกหน้าก็ไม่มี ระหว่างโลกทั้งสองก็ไม่มี นี้แลเป็นที่สุดแห่ง
ทุกข์ ฯ
จบสูตรที่ ๔
๕. จุนทสูตร
[๑๖๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในมัลลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ได้
เสด็จถึงเมืองปาวา ได้ยินว่า ในที่นั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ณ อัมพวันของนายจุนทกรรม
มารบุตรใกล้เมืองปาวา นายจุนทกรรมมารบุตรได้สดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปใน
มัลลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เสด็จมาถึงเมืองปาวาแล้ว ประทับอยู่ ณ อัมพวันของเรา
ใกล้เมืองปาวาลำดับนั้นแล นายจุนทกรรมมารบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย
บังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้นายจุนทกรรมมารบุตรเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ลำดับนั้นแลนายจุนทกรรมมารบุตร อันพระ
ผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ได้กราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จงทรงรับภัต
ของข้าพระองค์เพื่อเสวยในวันพรุ่งนี้ พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ ลำดับนั้นแล
นายจุนทกรรมมารบุตร ทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์แล้ว ลุกจากอาสนะถวายบังคม
กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ครั้งนั้น เมื่อล่วงราตรีนั้นไปนายจุนทกรรมมารบุตรสั่งให้ตกแต่ง
ขาทนียโภชนียาหารอันประณีต และเนื้อสุกรอ่อนเป็นอันมากในนิเวศน์ของตน แล้วให้กราบทูล
ภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถึงเวลาแล้ว ภัตสำเร็จแล้ว ครั้งนั้นเป็น