พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/146/179 180

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 146
อานนท์ เมื่อธรรมปราสาทสำเร็จแล้ว และธรรมโบกขรณีสำเร็จแล้ว พระเจ้า มหาสุทัสสนะได้ ทรงยังสมณพราหมณ์ทั้งหลาย ให้เอิบอิ่มด้วยสมณบริขารและ พราหมณบริขาร ที่ตนปรารถนา ทุกอย่าง แล้วเสด็จขึ้นสู่ธรรมปราสาท ฉะนี้แล ฯ จบภาณวารที่หนึ่ง --------------------------------
[๑๗๙] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงพระดำริว่า นี้เป็นผล แห่งกรรมอะไรของเราหนอ เป็นวิบากแห่งกรรมอะไร ที่เป็นเหตุให้เรา มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มี อานุภาพมากอย่างนี้ ในบัดนี้ ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงพระดำริว่า นี้เป็นผลแห่งกรรม ๓ ประการของเรา เป็นวิบากแห่งกรรม ๓ ประการ ที่เป็นเหตุให้เรามีฤทธิ์ มากอย่างนี้ มีอานุภาพมาก อย่างนี้ ในบัดนี้ กรรม ๓ ประการ คือ ทาน ทมะ สัญญมะ ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะเสด็จเข้าไปยังกุฏาคารหลังใหญ่ ครั้นเสด็จเข้าไป แล้วประทับยืนที่ประตูกุฏาคารหลังใหญ่ ทรงเปล่งพระอุทานว่า กามวิตก จงหยุด พยาบาทวิตก จงหยุด วิหึสาวิตก จงหยุด กามวิตก จงกลับเพียงแค่นี้เถิด พยาบาทวิตกจงกลับเพียงแค่ นี้เถิด วิหึสาวิตก จงกลับเพียงแค่นี้เถิด ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะเสด็จ เข้าไปยังกุฏาคารหลังใหญ่ ประทับนั่งบน บัลลังก์แล้วด้วยทอง ทรงสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล ธรรม ทรงบรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปิติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ทรงบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใส แห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจาร สงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป ทรงบรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข ทรงบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละทุกข์ละสุข และดับโทมนัส โสมนัสก่อนๆ ได้ มี อุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ฯ
[๑๘๐] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหาสุทัสสนะเสด็จออกจาก กุฏาคารหลังใหญ่ เสด็จเข้าไปยังกุฏาคารแล้วด้วยทอง ประทับบนบัลลังก์แล้วด้วย เงิน ทรงมีพระทัยประกอบด้วย