พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/147/206
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
สมณพราหมณ์เป็นทิศเบื้องบน คฤหัสถ์ในสกุลผู้สามารถควรนอบน้อมทิศ
เหล่านี้ บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยศีลเป็นคนละเอียดและมีไหวพริบ
มีความประพฤติเจียมตนไม่ดื้อกระด้าง ผู้เช่นนั้นย่อมได้ยศ คนหมั่น
ไม่เกียจคร้านย่อมไม่หวั่นไหว ในอันตรายทั้งหลาย คนมีความ
ประพฤติไม่ขาดสาย มีปัญญา ผู้เช่นนั้นย่อมได้ยศ คนผู้สงเคราะห์
แสวงหามิตรที่ดี รู้เท่าถ้อยคำที่เขากล่าว ปราศจากตระหนี่ เป็นผู้
แนะนำแสดงเหตุผลต่างๆ เนืองๆ ผู้เช่นนั้น ย่อมได้ยศ การให้ ๑
เจรจาไพเราะ ๑ การประพฤติให้เป็นประโยชน์ ๑ ความเป็นผู้มีตน
เสมอในธรรมทั้งหลาย ในคนนั้นๆตามควร ๑ ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยว
น้ำใจในโลกเหล่านี้แล เป็นเหมือนสลักรถอันแล่นไปอยู่ ถ้าธรรม
เครื่องยึดเหนี่ยวเหล่านี้ไม่พึงมีไซร้ มารดาและบิดาไม่พึงได้ความนับถือ
หรือความบูชาเพราะเหตุแห่งบุตร เพราะบัณฑิตทั้งหลายพิจารณาเห็น
ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวเหล่านี้โดยชอบ ฉะนั้น บัณฑิตเหล่านั้นจึงถึง
ความเป็นใหญ่และเป็นผู้อันหมู่ชนสรรเสริญทั่วหน้า ดังนี้ ฯ
[๒๐๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสฉะนี้แล้ว สิงคาลกคฤหบดีบุตรได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด
ด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ฉันใดพระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้น
เหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระภิกษุ
สงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระพุทธเจ้าว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัย
เป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉะนี้แล ฯ
จบ สิงคาลกสูตร ที่ ๘
_____________