พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/148/182

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 148
สองพัน พึงมาสู่ที่เฝ้าโดยล่วงร้อยปี ต่อครั้ง ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะตรัส เรียกปริณายกแก้วมา ตรัสว่า เพื่อนปริณายก ช้างแปดหมื่นสี่พันเหล่านี้ มาสู่ที่เฝ้าทั้งเช้าทั้งเย็น อย่ากระนั้นเลย โดยล่วงไปร้อยปี พวกมันจงมาสู่ที่เฝ้าคราวละสี่หมื่นสองพันเชือก ดูกรอานนท์ ปริณายกแก้วรับสนองพระบรมราชโองการของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ แล้ว ฯ ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น โดยสมัยต่อมา ช้างมาสู่ที่เฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ คราวละ สี่หมื่นสองพันเชือก โดยล่วงร้อยปีต่อครั้ง ดูกรอานนท์ ครั้งนั้นแล โดยล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี พระนางสุภัททาเทวีทรงพระดำริว่า เราได้เฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะนาน มาแล้ว ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปเฝ้าเยี่ยมพระองค์ ครั้งนั้น พระนางสุภัททาเทวีตรัสเรียกนางสนม มาตรัสว่า พวกท่านจงมา จงอาบน้ำ ชำระเกล้าเสีย จงห่มผ้าสีเหลือง พวกเราได้เฝ้าพระเจ้า มหาสุทัสสนะนานมาแล้ว พวกเราจักเข้าไปเฝ้าเยี่ยมพระองค์ ดูกรอานนท์ พวกนางสนมรับ สนองพระราช เสาวนีย์ของพระราชเทวีสุภัททา แล้วอาบน้ำชำระเกล้า ห่มผ้าสีเหลือง เข้าไปหา พระนางสุภัททาเทวี ดูกรอานนท์ ครั้งนั้นแล พระนางสุภัททาเทวีตรัสเรียก ปริณายกแก้วมาตรัส ว่า พ่อปริณายกแก้ว ท่านจงจัดจตุรงคเสนา เราได้เฝ้าพระเจ้า มหาสุทัสสนะนานมาแล้ว พวก เราจักไปเฝ้าพระองค์ ปริณายกแก้วรับสนอง พระราชเสาวนีย์แล้ว จัดเตรียมจตุรงคเสนาไว้ เรียบร้อยแล้วไปทูลว่า จตุรงคเสนา จัดพร้อมแล้ว ขอพระองค์จงทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ฯ ครั้งนั้นแล พระนางสุภัททาเทวีพร้อมด้วยจตุรงคเสนาและนางสนมเสด็จ ไปยังธรรม ปราสาท ครั้นเสด็จเข้าไปขึ้นสู่ธรรมปราสาทแล้ว เสด็จเข้าไปสู่เรือน ยอดหลังใหญ่ แล้วประทับ ยืนเหนี่ยวบานประตูเรือนยอดหลังใหญ่ พระเจ้ามหา สุทัสสนะได้สดับเสียงทรงพระดำริว่า อะไร หนอ เหมือนเสียงคนหมู่มาก จึงเสด็จ ออกจากเรือนยอดหลังใหญ่ ทอดพระเนตรพระนาง สุภัททาเทวียืนเหนี่ยวบานประตู ครั้นแล้วได้ตรัสกะพระนางว่า เทวี เธอจงหยุดอยู่ที่นี่แหละ อย่าเข้ามาเลย ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะตรัสเรียกราชบุรุษคนหนึ่งมาตรัสว่า พ่อผู้เจริญ มานี่แน่ะ พ่อจงนำบัลลังก์แล้วด้วยทองจากเรือนยอดหลังใหญ่ไปตั้งในสวนตาลอัน แล้วด้วยทอง ล้วนราชบุรุษนั้นรับสนองพระราชโองการแล้ว ยกบัลลังก์แล้วด้วยทอง จากเรือนยอดหลังใหญ่ ไปตั้งไว้ในสวนตาลอันแล้วด้วยทองล้วน ฯ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงสำเร็จสีหไสยาด้วยพระปรัศว์เบื้องขวา ซ้อน พระบาทเหลื่อมพระบาท มีพระสติสัมปชัญญะ ฯ