พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/149/251
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า
ไม่เที่ยง ฯลฯ ใจย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่าไม่เที่ยง ธรรมารมณ์ย่อมปรากฏตามความเป็น
จริงว่า ไม่เที่ยง มโนวิญญาณย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง มโนสัมผัสย่อมปรากฏ
ตามความเป็นจริงว่าไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะ
มโนสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
จงหลีกเร้นบำเพ็ญความเพียร เพราะเมื่อภิกษุหลีกเร้นอยู่สิ่งทั้งปวงย่อมปรากฏตามความเป็นจริง ฯ
จบสูตรที่ ๖
มหาโกฏฐิกสูตรที่ ๑
[๒๕๑] ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิกะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ
ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอประทานพระวโรกาส ขอพระองค์
โปรดทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่
ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่เถิด พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรโกฏฐิกะ สิ่งใดแล ไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในสิ่งนั้น ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง จักษุไม่
เที่ยงเธอพึงละความพอใจในจักษุนั้น รูปไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในรูปนั้น จักษุวิญญาณไม่
เที่ยง เธอพึงละความพอใจในจักษุวิญญาณนั้น จักษุสัมผัสไม่เที่ยงเธอพึงละความพอใจในจักษุ
สัมผัสนั้น แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขม สุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
ไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ
จักษุสัมผัสเป็นปัจจัยนั้นเสีย หูไม่เที่ยง ... จมูกไม่เที่ยง... ลิ้นไม่เที่ยง... กายไม่เที่ยง... ใจไม่
เที่ยง เธอพึงละความพอใจในใจนั้น ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในธรรมารมณ์นั้น
มโนวิญญาณไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในมโนวิญญาณนั้น มโนสัมผัสไม่เที่ยง เธอพึงละ