พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/15/18
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าเป็นสุข ...
มีปัญญาหยั่งทราบ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไปจักปรินิพพานในระหว่าง นี้เป็นบุคคล
ที่ ๓ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าเป็นสุข ...
มีปัญญาหยั่งทราบ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไปจักปรินิพพานในเมื่ออายุเลยกึ่ง นี้เป็น
บุคคลที่ ๔ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯเป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าเป็นสุข ...
มีปัญญาหยั่งทราบ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไปจักปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรนัก
นี้เป็นบุคคลที่ ๕ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าเป็นสุข ...
มีปัญญาหยั่งทราบ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป จักปรินิพพานด้วยต้องใช้ความเพียร
เรี่ยวแรง นี้เป็นบุคคลที่ ๖ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯเป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ พิจารณาเห็นว่าเป็นสุข ...
มีปัญญาหยั่งทราบ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไปเป็นผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ
นี้เป็นบุคคลที่ ๗ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย บุคคล ๗จำพวกนี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของ
ทำบุญเป็นผู้ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
จบสูตรที่ ๙
นิททสวัตถุสูตร
[๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิททสวัตถุ ๗ ประการนี้ ๗ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการสมาทานสิกขาและเป็นผู้ได้ความยินดี
ในการสมาทานสิกขาต่อไป ๑ เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการใคร่ครวญธรรม และเป็นผู้
ได้ความยินดีในการใคร่ครวญธรรมต่อไป ๑เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในอันที่จะกำจัด