พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/150/252
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
ความพอใจในมโนสัมผัสนั้น แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ
มโนสัมผัสเป็นปัจจัยไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุข
เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยนั้นเสีย ดูกรโกฏฐิกะ สิ่งใดไม่เที่ยง เธอพึงละ
ความพอใจในสิ่งนั้นเสีย ฯ
จบสูตรที่ ๗
มหาโกฏฐิกสูตรที่ ๒
[๒๕๒] ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิกะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ
ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอประทานพระวโรกาส ขอ
พระองค์โปรดทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่
อยู่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอันส่งไปแล้วอยู่เถิด พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรโกฏฐิกะสิ่งใดแลเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในสิ่งนั้นเสีย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์
จักษุแลเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในจักษุนั้น รูปเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในรูปนั้น
จักษุวิญญาณเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในจักษุวิญญาณนั้นจักษุสัมผัสเป็นทุกข์ เธอพึงละ
ความพอใจในจักษุสัมผัสนั้น แม้สุขเวทนาทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ
จักษุสัมผัสเป็นปัจจัยเป็นทุกข์เธอพึงละความพอใจในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุข
เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสนั้นเสีย หูเป็นทุกข์... จมูกเป็นทุกข์... ลิ้นเป็นทุกข์... กายเป็น
ทุกข์... ใจเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในใจนั้น ธรรมารมณ์เป็นทุกข์เธอพึงละความพอใจ
ในธรรมารมณ์นั้น มโนวิญญาณเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในมโนวิญญาณนั้น มโนสัมผัส
เป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในมโนสัมผัสนั้น แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุข
เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในสุขเวทนา ทุกข
เวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยนั้นเสีย ดูกรโกฏฐิกะสิ่งใด
แลเป็นทุกข์ เธอพึงละความพอใจในสิ่งนั้นเสีย ฯ
จบสูตรที่ ๘