พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/151/143
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
อาบัติของท่านไม่มี อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนของท่านยังเจริญอยู่ ขอท่านจงบรรเทา
อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนแล้วจึงอบรมจิตและปัญญา ท่านจักเป็นผู้เทียมทันบุคคล
จำพวกที่ ๕ โน้น เพราะการอบรมอย่างนี้ ฯ
บุคคลใด ไม่ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมไม่เดือดร้อน และย่อมไม่ทราบชัดตามความ
เป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิด
ขึ้นแล้วแก่เธอ บุคคลนั้น พึงเป็นผู้ควรกล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า อาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วง
อาบัติของท่านไม่มี อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนของท่านไม่เจริญ ขอท่านจงอบรมจิตและ
ปัญญา ท่านจักเป็นผู้เทียมทันบุคคลจำพวกที่ ๕ โน้น เพราะการอบรมอย่างนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลายบุคคล ๕ จำพวกนี้ ถูกตักเตือนพร่ำสอนโดยเทียบกับบุคคลที่ ๕ โน้น ด้วย
ประการอย่างนี้แล ย่อมบรรลุความสิ้นอาสวะโดยลำดับ ฯ
จบสูตรที่ ๒
๓. สารันททสูตร
[๑๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กุฏาคารศาลา ป่ามหาวันใกล้เมือง
เวสาลี ครั้งนั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาต
ณ เมืองเวสาลี สมัยนั้น เจ้าลิจฉวีประมาณ ๕๐๐ คนนั่งประชุมกันอยู่ที่สารันททเจดีย์ ได้มี
การสนทนากันว่า ความปรากฏแห่งแก้ว ๕ประการ เป็นของหาได้ยากในโลก แก้ว ๕ ประการ
เป็นไฉน คือ ความปรากฏแห่งช้างแก้ว ๑ ความปรากฏแห่งม้าแก้ว ๑ ความปรากฏแห่งแก้ว
มณี ๑ ความปรากฏแห่งนางแก้ว ๑ ความปรากฏแห่งคฤหบดีแก้ว ๑ ความปรากฏแห่งแก้ว ๕
ประการนี้ เป็นของหาได้ยากในโลก ครั้งนั้น เจ้าลิจฉวีเหล่านั้นได้ส่งบุรุษไปคอยดักที่หนทาง
โดยสั่งว่า พ่อผู้เจริญ เมื่อท่านเห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมา พึงมาบอกแก่พวกฉัน บุรุษ
นั้นได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล จึงเข้าไปหาเจ้าลิจฉวีเหล่านั้น แจ้งให้ทราบว่า พระผู้
มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นกำลังเสด็จมา ขอท่านทั้งหลายจงทราบกาลที่ควร
ณ บัดนี้ ครั้งนั้น เจ้าลิจฉวีเหล่านั้น ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม
แล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทาน