พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/153/175

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 153
แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำเต็มเปี่ยมพอกาดื่มกินได้ มนุษย์บางจำพวกแสวงหาเรือ บางพวกแสวงหา พ่วง บางพวกผูกแพต้องการจะข้ามไปฝั่งโน้น ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงหายจากฝั่งนี้แห่ง แม่น้ำคงคา ไปปรากฏอยู่ที่ฝั่งโน้นพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เหมือนบุรุษผู้มีกำลังพึงเหยียดแขนที่คู้ หรือพึงคู้แขนที่เหยียดฉะนั้น พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นมนุษย์เหล่านั้นบางพวกแสวงหาเรือ บางพวกแสวงหาพ่วง บางพวกผูกแพ ต้องการจะข้ามไปฝั่งโน้น ฯ ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ชนเหล่าใดจะข้ามห้วงน้ำ คือ สงสาร และสระ คือ ตัณหาชนเหล่านั้น กระทำสะพาน คือ อริยมรรค ไม่แตะต้องเปือกตมคือกามทั้งหลายจึง ข้ามสถานที่ลุ่มอันเต็มด้วยน้ำได้ ก็ชนแม้ต้องการจะข้ามน้ำมีประมาณ น้อย ก็ต้องผูกแพ ส่วนพระพุทธเจ้า และพุทธสาวกทั้งหลายเป็นผู้มี ปัญญา เว้นจากแพก็ข้ามได้ ฯ จบสูตรที่ ๖ ๗. ทวิธาปถสูตร
[๑๗๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จดำเนินทางไกลไปในโกศลชนบท มีท่านพระนาคสมาละ เป็นปัจฉาสมณะ ท่านพระนาคสมาละได้เห็นทาง ๒ แพร่งในระหว่างทาง ครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญนี้ทาง ไปกันตามทางนี้เถิดพระเจ้าข้า เมื่อท่าน พระนาคสมาละกราบทูลอย่างนี้แล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระนาคสมาละว่า ดูกร นาคสมาละ นี้ทาง ไปกันตามทางนี้เถิด แม้ครั้งที่ ๒ ... แม้ครั้งที่ ๓ ท่านพระนาคสมาละก็ได้ กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ นี้ทาง ไปกันตามทางนี้เถิดพระเจ้าข้า แม้ครั้งที่ ๓ พระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสกะท่านพระนาคสมาละว่า ดูกรนาคสมาละ นี้ทาง ไปกัน ตามทางนี้เถิด ลำดับนั้น ท่านพระนาคสมาละวางบาตรและจีวรของพระผู้มีพระภาคไว้ที่แผ่นดิน ณ ที่นั้นเอง ด้วยกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ นี้บาตรและจีวร ดังนี้ แล้วหลีกไป