พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/154/187 188
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
๕. ชนวสภสูตร (๑๘)
--------------------
[๑๘๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระตำหนักตึก ในบ้านนาทิกะ ก็สมัยนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์พวกชนผู้บำเรอพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ในชนบทรอบๆ
ซึ่งทำกาละล่วงไปนานแล้ว ในที่เกิดทั้งหลายว่า คนโน้นเกิด ณ ที่โน้น คนโน้นเกิด ณ ที่โน้น
ในแคว้นกาสีและโกศล แคว้น วัชชีและมัลละ แคว้นเจตีและวังสะ แคว้นกุรุและปัญจาละ
แคว้นมัจฉะและ สุรเสนะ ชาวบ้านนาทิกะกว่า ๕๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอทำกาละล่วงไปนานแล้ว
เป็นโอปปาติกะ เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง ปรินิพพาน ณ ที่นั้น ไม่กลับจากโลกนั้น
เป็นธรรมดา ชาวบ้านนาทิกะกว่า ๙๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอ ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระ
สกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง เพราะ ราคะ โทสะ และโมหะเบาบาง จะมายังโลกนี้
เพียงครั้งเดียว แล้วจักทำที่สุด ทุกข์ได้ ชาวบ้านนาทิกะกว่า ๕๐๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอ ทำกาละ
ล่วงไปนานแล้ว เป็นพระโสดาบันเพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็น
ผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า ฯ
[๑๘๘] ชาวบ้านนาทิกะผู้บำเรอ ได้สดับข่าวมาว่า พระผู้มีพระภาคทรง พยากรณ์พวก
ชนผู้บำเรอพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ในชนบทรอบๆ ซึ่งทำกาละล่วงไปนานแล้ว ใน
ที่เกิดทั้งหลายว่า คนโน้นเกิด ณ ที่โน้น คนโน้น เกิด ณ ที่โน้น ในแคว้นกาสีและโกศล แคว้น
วัชชีและมัลละ แคว้นเจตีและ วังสะ แคว้นกุรุและปัญจาละ แคว้นมัจฉะและสุรเสนะ ชาวบ้าน
นาทิกะกว่า ๕๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอ ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นโอปปาติกะ เพราะสิ้น โอรัม
ภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง ปรินิพพาน ณ ที่นั้น ไม่กลับมาจากโลกนั้นเป็น ธรรมดา ชาวบ้านนาทิกะ
กว่า ๙๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอ ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์
๓ อย่าง เพราะราคะ โทสะ และโมหะ เบาบาง จะมายังโลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วจักทำที่สุด
ทุกข์ได้ ชาวบ้านนาทิกะ กว่า ๕๐๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอ ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระโสดา
บันเพราะ สิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็น เบื้อง