พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/158/191
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ผู้เจริญ เหล่านั้นมีคติอย่างไร มีภพหน้าเป็นอย่างไร พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นชาวมคธ ผู้บำเรอ
แล้วว่า ผู้เจริญเหล่านั้น มีคติเป็นอย่างไร มีภพหน้าเป็นอย่างไร ครั้งนั้น เวลาเย็น พระผู้มี
พระภาคทรงออกจากที่เร้น เสด็จออกจากที่พระตำหนักตึก ประทับนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้ใน
ร่มเงาวิหาร ฯ
[๑๙๑] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไป
เฝ้า แล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น ท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อย
แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มี พระภาคทรงปรากฏว่าสงบระงับ สีพระพักตร์
ของพระผู้มีพระภาคผุดผ่องนักเพราะ พระอินทรีย์ผ่องใส วันนี้ พระผู้มีพระภาคย่อมอยู่ด้วยวิหาร
ธรรมอันสงบเป็นแน่ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อที่เธอปรารภชาวมคธผู้บำเรอ พูดเลียบเคียง
เฉพาะหน้าเราแล้วลุกจากอาสนะหลีกไป เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ เรา เที่ยวบิณฑบาตในบ้านนาทิกะ
ภายหลังภัตกลับจากบิณฑบาตแล้ว ล้างเท้าเข้าไป ยังตึกที่พักแล้วปรารภชาวมคธผู้บำเรอ ตั้งใจ
มนสิการ ประมวลเหตุทั้งปวงด้วยใจ นั่งอยู่บนอาสนะที่เขาปูลาดไว้ด้วยดำริว่า เราจักรู้คติ จักรู้
ภพหน้าของชาวมคธ เหล่านั้นว่า ผู้เจริญเหล่านั้น มีคติเป็นอย่างไร มีภพหน้าเป็นอย่างไร อานนท์
เรา ได้เห็นชาวมคธผู้บำเรอแล้วว่า ผู้เจริญเหล่านั้น มีคติเป็นอย่างไร มีภพหน้าเป็น อย่างไร
อานนท์ ลำดับนั้น ยักษ์หายไปเปล่งเสียงให้ได้ยินว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระพุทธเจ้ามี
นามว่าชนวสภะ ข้าแต่พระสุคต ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่าชนวสภะ อานนท์เธอรู้หรือไม่ว่า
เธอเคยได้ฟังชื่อว่า ชนวสภะเห็นปานนี้ ในกาลก่อนแต่กาลนี้ ฯ
อ. ข้าพระองค์ไม่ทราบว่า เคยได้ฟังชื่อว่า ชนวสภะเห็นปานนี้ ในกาล ก่อนแต่
กาลนี้เลย อนึ่ง ข้าพระองค์ขนลุกชูชันเพราะได้ฟังชื่อว่าชนวสภะ ข้าพระ องค์นั้นคิดว่า ผู้ที่มี
นามบัญญัติว่า ชนวสภะเห็นปานนี้นั้น ไม่ใช่ยักษ์ต่ำๆ เป็น แน่ ฯ
อานนท์ ในระหว่างที่มีเสียงปรากฏ ยักษ์มีผิวพรรณผุดผ่องยิ่งปรากฏต่อ หน้าเรา
แม้ครั้งที่สองก็เปล่งเสียงให้ได้ยินว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระพุทธ เจ้ามีนามว่า พิมพิสาร
ข้าแต่พระสุคต ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่า พิมพิสาร ครั้ง ที่เจ็ดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเข้าถึงความเป็น
สหาย ของท้าวเวสสวรรณมหาราช ข้า พระพุทธเจ้านั้นจุติจากนี้แล้ว สามารถเป็นพระราชาในหมู่
มนุษย์ ฯ