พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/159/525 526 527
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า อาฬวิกาภิกษุณีรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไป
ในที่นั้นเอง ฯ
โสมาสูตรที่ ๒
[๕๒๕] สาวัตถีนิทาน ฯ
ครั้งนั้น เวลาเช้า โสมาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไป บิณฑบาตยัง
พระนครสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครสาวัตถีแล้ว เวลา ปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาต
แล้ว เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักผ่อนกลางวัน ครั้น ถึงป่าอันธวันแล้ว จึงนั่งพักกลางวันที่โคน
ไม้ต้นหนึ่ง ฯ
[๕๒๖] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้โสมาภิกษุณีบังเกิดความกลัว ความหวาดเสียว
ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึง เข้าไปหาโสมาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก
ครั้นแล้วได้กล่าวกะโสมาภิกษุณีด้วยคาถาว่า
สตรีมีปัญญาเพียงสองนิ้ว ไม่อาจถึงฐานะอันจะพึงอดทนได้ด้วยยาก
ซึ่งท่านผู้แสวงทั้งหลายจะพึงถึงได้ ฯ
[๕๒๗] ลำดับนั้น โสมาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่ใครหนอกล่าวคาถา จะเป็นมนุษย์
หรืออมนุษย์ ฯ
ทันใดนั้น โสมาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่คือมารผู้มีบาป ใคร่จะให้เรา บังเกิดความกลัว
ความหวาดเสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อน จากสมาธิ จึงกล่าวคาถา ฯ
ครั้นโสมาภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาปแล้ว จึงได้กล่าวกะมารผู้มีบาป ด้วยคาถาว่า
ความเป็นสตรีจะทำอะไรได้ เมื่อจิตตั้งมั่นดีแล้ว เมื่อญาณ เป็นไป
แก่ผู้เห็นธรรมอยู่โดยชอบ ผู้ใดจะพึงมีความคิดเห็นแน่อย่างนี้ว่า เรา
เป็นสตรี หรือว่าเราเป็นบุรุษ หรือจะยังมีความเกาะเกี่ยวว่า เรามีอยู่
มารควรจะกล่าวกะผู้นั้น ฯ
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า โสมาภิกษุณีรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปใน
ที่นั้นเอง ฯ