พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/161/531 532 533
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
วิชยาสูตรที่ ๔
[๕๓๑] สาวัตถีนิทาน ฯ
ครั้งนั้น เวลาเช้า วิชยาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวร ฯลฯ จึงนั่ง พักกลางวัน
ที่โคนไม้ต้นหนึ่ง ฯ
[๕๓๒] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้วิชยาภิกษุณีบังเกิดความกลัว ความหวาดเสียว
ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้า ไปหาวิชยาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก
ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะวิชยาภิกษุณีด้วยคาถาว่า
เธอยังเป็นสาวมีรูปงาม และฉันก็ยังเป็นหนุ่มแน่น มาเถิดนาง เรามา
อภิรมย์กันด้วยดนตรี มีองค์ห้า ฯ
[๕๓๓] ลำดับนั้น วิชยาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่ใครหนอกล่าวคาถา จะเป็นมนุษย์
หรืออมนุษย์ ฯ
ทันใดนั้น วิชยาภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่คือมารผู้มีบาป ใคร่จะให้เราบังเกิดความกลัว
ความหวาดเสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อน จากสมาธิ จึงได้กล่าวคาถา ฯ
ครั้นวิชยาภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาปแล้ว จึงได้กล่าวกะมารผู้มีบาปด้วยคาถาว่า
ดูกรมาร รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่ารื่นรมย์ใจ เราขอ
มอบให้ท่านผู้เดียว เพราะเราไม่ต้องการมัน เราอึดอัด ระอาด้วยกาย
เน่า อันจะแตกทำลาย เปื่อยพังไปนี้ กามตัณหา เราถอนได้แล้ว
ความมืดในรูปภพที่สัตว์ทั้งหลายเข้าถึง ในอรูปภพที่สัตว์ทั้งหลายเป็น
ภาคี และในสมาบัติอันสงบทั้งปวง เรากำจัดได้แล้ว ฯ
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า วิชยาภิกษุณีรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปใน
ที่นั้นเอง ฯ