พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/166/116 117
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เอกาสนิยเถราปทานที่ ๔ (๑๑๔)
ว่าด้วยผลแห่งการประโคมดนตรีไม้โพธิ์
[๑๑๖] ในกาลนั้น เราเป็นท้าวเทวราชมีนามชื่อว่าวรุณ พร้อมด้วยยาน พลทหาร
และพาหนะ บำรุงพระสัมพุทธเจ้า เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้สูงสุดกว่าสัตว์เสด็จนิพพานแล้ว เราได้ถือเอาดนตรีทั้งปวงไปประโคม
ไม้โพธิ์อันอุดม เราประกอบด้วยการประโคม การฟ้อนรำ และกังสดาน
ทุกอย่าง บำรุงไม้โพธิพฤกษ์อันอุดมดังบำรุงพระสัมพุทธเจ้าเฉพาะพระ
พักตร์ ครั้นบำรุงโพธิพฤกษ์อันงอกขึ้นที่ดินดื่มรสด้วยรากนั้นแล้ว นั่งคู้
บัลลังก์ แล้วทำกาลกิริยา ณ ที่นั้นเอง เราปรารภกรรมของตน เลื่อม
ใสในโพธิพฤกษ์อันอุดม ได้เข้าถึงยังชั้นนิมมานรดีด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น
ดนตรี ๖ หมื่น แวดล้อมเราทุกเมื่อ เป็นไปในภพน้อยใหญ่ ทั้งใน
มนุษย์และในเทวดา ไฟ ๓ กองของเราดับแล้ว ภพทั้งปวงเราถอนขึ้น
ได้แล้ว เราทรงกายที่สุดในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกัลปที่
๕๐๐ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์ ๓๔ พระองค์ มีพระ
นามชื่อว่า สุพาหุ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คุณวิเศษเหล่านี้
คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว
พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระเอกาสนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เอกาสนิยเถราปทาน.
สุวรรณปุปผิยเถราปทานที่ ๕ (๑๑๔)
ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้ทอง ๔ ดอก
[๑๑๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี เชษฐบุรุษของโลก ประเสริฐกว่านระ
ประทับนั่งแสดงอมตบทแก่หมู่ชนอยู่ เราฟังธรรมของพระองค์ผู้เป็นจอม
สัตว์คงที่แล้ว ได้โปรยดอกไม้ทอง ๔ ดอก บูชาแด่พระพุทธเจ้า ดอกไม้