พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/167/118
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
ทองนั้นกลายเป็นหลังคาทองบังร่มตลอดทั่วบริษัท ในกาลนั้น รัศมีของ
พระพุทธเจ้าและรัศมีทองรวมเป็นแสงสว่างอันไพบูลย์ เรามีจิตเบิกบาน
ดีใจ เกิดโสมนัส ประนมกรอัญชลี เกิดปีติ เป็นผู้นำความสุขใน
ปัจจุบันมาให้แก่ชนเหล่านั้น เราทูลวิงวอนพระสัมพุทธเจ้าและถวายบังคม
พระองค์ผู้มีวัตรงาม ยังความปราโมทย์ให้เกิดแล้ว กลับเข้าสู่ภพของตน
ครั้นกลับเข้าสู่ภพแล้ว ยังระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดอยู่ ด้วย
จิตอันเลื่อมใสนั้น เราได้เข้าถึงชั้นดุสิต ในกัลปที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เรา
บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้ทองใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัลปที่ ๔๓ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ
ราช ๑๖ พระองค์ ทรงพระนามว่าเนมิสมมต มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้
คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว
พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสุวรรณปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ สุวรรณปุปผิยเถราปทาน.
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๖ (๑๑๖)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาควันดนตรีและดอกไม้
[๑๑๘] ข้าพระองค์ (เป็นรุกขเทวดา) พร้อมด้วยอำมาตย์และบริวารอยู่ที่ไม้เกตุ
เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก ปรินิพพาน
แล้ว ข้าพระองค์มีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้ไปสู่พระจิตกาธาร ประโคม
ดนตรี ณ ที่นั้นโปรยของหอมและดอกไม้บูชา ข้าพระองค์มีจิตเลื่อมใส
โสมนัส ทำการบูชาที่พระจิตกาธาร ไหว้พระจิตกาธารแล้วกลับมาสู่ภพ
ของตน ข้าพระองค์เข้าไปในภพแล้ว ยังระลึกถึงการบูชาพระจิตกาธาร
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมสัตว์เชษฐบุรุษของโลก ประเสริฐกว่านระ ด้วย
กรรมนั้น ข้าพระองค์ได้เสวยสมบัติในเทวดาและมนุษย์แล้ว ละความ
ชนะและความแพ้แล้ว บรรลุถึงฐานะอันไม่หวั่นไหว ในกัลปที่ ๓๑ แต่