พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/168/445 446 447 448 449
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๔๔๕] เราขอบอกอัญญาวิโมกข์ อันมีอุเบกขาและสติหมดจดดี
มีความตรึกประกอบด้วยธรรม แล่นไปข้างหน้า เป็นเครื่อง
ทำลายอวิชชา.
[๔๔๖] ความวางเฉย กิริยาที่วางเฉย ความเพิกเฉย ความสงบแห่งจิต ความที่จิต
เลื่อมใส ความที่จิตเป็นกลางด้วยจตุตถฌาน ชื่ออุเบกขา ในอุเทศว่า อุเปกฺขาสติสํสุทฺธํ ดังนี้.
ความระลึก ความตามระลึก ฯลฯ ความระลึกชอบ เพราะปรารภถึงอุเบกขาในจตุตถฌาน ชื่อว่า
สติ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อุเบกขา และสติ.
คำว่า หมดจดดี ความว่า อุเบกขาและสติในจตุตถฌานเป็นความหมดจด หมดจดดี
ขาวรอบ ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ถึงความ
ไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มีอุเบกขาและสติ หมดจดดี.
[๔๔๗] ความดำริชอบ ตรัสว่า ความตรึกประกอบด้วยธรรม ในคำว่า ธมฺมตกฺกปุเรชวํ
ดังนี้. ความตรึกประกอบด้วยธรรมนั้น มีในเบื้องต้น มีข้างหน้าเป็นประธานแห่งอัญญาวิโมกข์
แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้จึงชื่อว่า มีความตรึกประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า.
อีกอย่างหนึ่ง สัมมาทิฏฐิ ตรัสว่า ความตรึกประกอบด้วยธรรม. สัมมาทิฏฐินั้นมีใน
เบื้องต้น มีข้างหน้า เป็นประธานแห่งอัญญาวิโมกข์ แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ จึงชื่อว่า มีความตรึก
ประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า.
อีกอย่างหนึ่ง วิปัสสนาในกาลเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งมรรค ๔ ตรัสว่า ความตรึกประกอบ
ด้วยธรรม. วิปัสสนานั้น มีในเบื้องต้นมีข้างหน้า เป็นประธานแห่งอัญญาวิโมกข์ แม้ด้วยเหตุ
อย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า มีความตรึกประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า.
[๔๔๘] อรหัตวิโมกข์ ตรัสว่า อัญญาวิโมกข์ ในอุเทศว่า อญฺญาวิโมกฺขํ สํพฺรูมิ
ดังนี้ เราขอบอก ... ขอประกาศซึ่งอรหัตวิโมกข์ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เราขอบอกอัญญาวิโมกข์.
[๔๔๙] ความไม่รู้ในทุกข์ ฯลฯ อวิชชาเป็นดังลิ่มสลัก ความหลง อกุศลมูล ชื่อว่า
อวิชชา ในอุเทศว่า อวิชฺชาย ปเภทนํ ดังนี้.
คำว่า เป็นเครื่องทำลายอวิชชา ความว่า เป็นเครื่องทุบ ต่อย เครื่องทำลาย เครื่องละ
เครื่องสงบ เครื่องสละคืน เครื่องระงับ ซึ่งอวิชชา เป็นอมตนิพพาน เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า
เป็นเครื่องทำลายอวิชชา. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า