พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/17/17 18      
      สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
      
     
 
    
        
          
            ซึ่งยิ่งกว่าหรือประณีตกว่าญาณเป็นเครื่องกำหนดลักษณะอันละเอียดในสังขารนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
 ญาณเป็นเครื่องกำหนดลักษณะอันละเอียด ๔ประการนี้แล ฯ
      ภิกษุใดรู้ความที่รูปขันธ์เป็นของละเอียด รู้ความเกิดแห่ง
      เวทนา รู้ความเกิดและความดับแห่งสัญญา รู้จักสังขารโดย
      ความไม่เที่ยง โดยเป็นทุกข์ และโดยความเป็นอนัตตา
      ภิกษุนั้นแล เป็นผู้เห็นชอบ เป็นผู้สงบ ยินดีในสันติบท
      ชำนะมารพร้อมทั้งเสนา ย่อมทรงไว้ซึ่งร่างกายมีในที่สุด ฯ
                จบสูตรที่ ๖
                             อคติสูตรที่ ๑
 [๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การถึงอคติ ๔ ประการนี้ อคติ ๔ ประการเป็นไฉน บุคคล
ย่อมถึงฉันทาคติ ย่อมถึงโทสาคติ ย่อมถึงโมหาคติ ย่อมถึงภยาคติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การถึง
อคติ ๔ ประการนี้แล ฯ
      ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความหลง
      ความกลัว ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดุจพระจันทร์ข้างแรม
      ฉะนั้น ฯ
                จบสูตรที่ ๗
                             อคติสูตรที่ ๒
 [๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การไม่ถึงอคติ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน บุคคล
ย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ ย่อมไม่ถึงโมหาคติ  ย่อมไม่ถึงภยาคติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
 การไม่ถึงอคติ ๔ ประการนี้แล ฯ
      ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง  ความ
      หลง ความกลัว ยศของผู้นั้น ย่อมเต็มเปี่ยม ดุจ
      พระจันทร์ข้างขึ้น ฉะนั้น ฯ
                จบสูตรที่ ๘