พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/174/566 567 568
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ท่านจงเป็นผู้เลื่อมใสในท่านพระพรหมเทวะนั้น เป็นผู้ไม่หวั่นไหว ตั้ง
ทักษิณาไว้ในท่านผู้เป็นทักษิเณยยบุคคล ดูกรนางพราหมณี ท่านเห็น
มุนีผู้มีโอฆะอันข้ามแล้วจงทำบุญ อันจะนำความสุขต่อไปมาให้ ฯ
ท่านจงเป็นผู้เลื่อมใสในท่าน พระพรหมเทวะนั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว ตั้ง
ทักษิณาไว้ในท่านผู้เป็นทักษิเณยยบุคคล ดูกรนางพราหมณี ท่านเห็น
มุนีผู้มีโอฆะอันข้ามแล้ว ได้ทำบุญอันจะนำความสุขต่อไปมาให้แล้ว ฯ
พกสูตรที่ ๔
[๕๖๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
ก็สมัยนั้นแล พกพรหมได้เกิดทิฐิอันชั่วช้าเห็นปานดังนี้ว่า ฐานะแห่งพรหมนี้เที่ยง ยั่งยืน
ติดต่อกัน คงที่ มีความไม่เคลื่อนไหวเป็นธรรมดา ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ
ก็แหละอุบายเป็นเครื่องออกไปอันยิ่งอย่างอื่น จากฐานะแห่งพรหมนี้ไม่มี ฯ
[๕๖๗] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกแห่งใจของพกพรหมด้วย
พระทัยแล้ว ทรงหายไปในพระเชตวันวิหารแล้วได้ปรากฏในพรหม โลกนั้น เปรียบเหมือนบุรุษ
มีกำลังพึงเหยียดออกซึ่งแขนที่คู้เข้า หรือคู้เข้าซึ่ง แขนที่เหยียดออก ฉะนั้น ฯ
พกพรหมได้เห็นพระผู้มีพระภาคกำลังเสด็จมาแต่ไกลทีเดียว ครั้นแล้วได้ กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอพระองค์จงเสด็จมาเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
พระองค์เสด็จมาดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ นานเทียวแลพระองค์ได้กระทำปริยายเพื่อการ
เสด็จมา ณ พรหมโลกนี้ ข้าแต่พระองค์ ผู้นิรทุกข์ ก็ฐานะแห่งพรหมนี้เที่ยง ยั่งยืน ติดต่อกัน
คงที่ มีความไม่เคลื่อนไหวเป็นธรรมดา ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ ก็อุบาย
เป็นเครื่องออกไปอันยิ่งอย่างอื่นจากฐานะแห่งพรหมนี้ไม่มี ฯ
[๕๖๘] เมื่อพกพรหมกล่าวเช่นนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำนี้กะพกพรหมว่า ท่าน
ผู้เจริญทั้งหลาย พกพรหมนั้นถึงความโง่เขลาแล้วหนอ ท่านผู้ เจริญทั้งหลาย พกพรหมนั้น
ถึงความโง่เขลาแล้วหนอ พกพรหมกล่าวฐานะแห่ง พรหมที่เป็นของไม่เที่ยงเลยว่าเที่ยง กล่าว