พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/176/504
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
วัจฉ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่เคยมีมาแล้ว
เพราะใครอื่นยกเว้นท่านพระโคดมเสีย จักได้ที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ที่เป็นของพระอริยเจ้า เห็น
ปานดังนี้ตามความปรารถนา จักได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของ
พระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ท่านพระโคดม
ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทาง
แก่คนผู้หลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้นข้าแต่พระ
โคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์เหล่านี้ ขอถึงท่านพระโคดมกับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็น
สรณะ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ทั้งหลายว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
สรภสูตร
[๕๐๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏใกล้พระนครราชคฤห์
ก็สมัยนั้นแล ปริพาชกชื่อสรภะหลีกไปจากธรรมวินัยนี้ไม่ นาน เขาพูดในบริษัท ณ พระนคร
ราชคฤห์อย่างนี้ว่า ธรรมของพวกสมณศากยบุตรเรารู้ทั่วถึงแล้ว ก็แหละเพราะรู้ธรรมของพวก
สมณศากยบุตรทั่วถึงแล้ว เราจึงได้หลีกมาเสีย ถ้ามิเช่นนั้น เราก็จะไม่หลีกมาจากธรรมวินัยนั้น
เลย ครั้งนั้นแลเป็นเวลาเช้า ภิกษุมากรูปด้วยกันนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาต
ยังพระนครราชคฤห์ ภิกษุเหล่านั้นได้ยินสรภปริพาชกกำลังพูดอยู่ในบริษัท ณ นครราชคฤห์อย่าง
นี้ว่า ธรรมของพวกสมณศากยบุตร เรารู้ทั่วถึงแล้ว ก็แหละเพราะรู้ธรรมของพวกสมณศากยบุตร
ทั่วถึงแล้ว เราจึงได้หลีกไปเสีย ถ้ามิเช่นนั้เราก็จะไม่หลีกมาจากธรรมวินัยนั้นเลย ลำดับนั้น
แล ภิกษุเหล่านั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ เวลาหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาต
แล้ว ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ปริพาชกชื่อสรภะได้หลีกไปจากธรรมวินัยนี้ไม่นาน เขาพูดในบริษัท ณ พระนครราชคฤห์อย่างนี้
ว่า ธรรมของพวกสมณศากยบุตรเรารู้ทั่วถึงแล้ว ก็เพราะรู้ธรรมของพวกสมณศากยบุตรทั่วถึง
แล้ว เราจึงได้หลีกมาเสีย ถ้ามิเช่นนั้น เราก็จะไมหลีกมาจากธรรมวินัยนั้นเลย ข้าแต่พระองค์